ทลายโกดังยาบ้า 10 ล้านเม็ด กลางเมืองเชียงรายซุกโซฟาเตรียมส่งเข้ากทม.

เชียงราย-ชุดขยายผลยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5สนธิกำลังบุก ทลายโกดังยาบ้า 10 ล้านเม็ด กลางเมืองเชียงราย ซุกในโซฟาเตรียมส่งเข้ากรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ชุดขยายผลยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 (ภ.5) ร่วมกับ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5, กก.สืบสวน ภ.จว.เชียงราย และสำนักงาน ป.ป.ส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย นำกำลังบูรณาร่วมการเข้าปิดล้อมตรวจค้นโกดังต้องสงสัย บริเวณระหว่างบ้านห้วยปลากั้ง – บ้านน้ำลัด ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ตวจยึดยาบ้าประมาณ 10 ล้านเม็ด พร้อมจับกุม นายชุมพร (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี นายพินิจ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี นายวรพล (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี นายพัฒนากร (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี นายวิเทน (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี รถยนต์กระบะอีซูซุ สีเทา ป้ายแดง จ.ตาก รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โซฟา 34 ตัว ใช้ซุกซ่อนยาเสพติด

โดยการจับกุมก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 ด่านตรวจห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ จับกุมคดียาบ้าประมาณ 10 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในตู้ลำโพง พร้อมออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย และหนึ่งในนั้นคือ นายวิเทน (สงวนนามสกุล) ซึ่งต่อมาถูกสืบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเช่าโกดังในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อซุกซ่อนยาเสพติดเตรียมลำเลียงต่อไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศ

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าทำการขยายผลจนสามารถตรวจยึดและจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ดังกล่าว โดยพบว่าเป็นกลุ่มเครือข่าย นายกฤชร์ณชัย หรือ “เท” อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้สั่งการปัจจุบัน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับเพิ่มเติม ซึ่งก่อนการขยายผลการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาในช่วงวันที่ 9 – 10 พฤศจิกายน จนพบว่ามีการขนย้ายของเข้าออกโกดังผิดปกติ ก่อนเข้าปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น จนพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในโซฟาจำนวน 34 ตัว ตัวละ 1–3 กระสอบ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ยังพบว่า นายวิเทน (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในคดีนี้ ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาบ้า 10 ล้านเม็ด ของ สภ.ห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดตัวไว้ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย และอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป.

