คนพิการเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถดำเนินชีวิตและมีทางเลือกมากมายเหมือนคนทั่วไป ความเปราะบางของคนพิการทั้งในเรื่องการศึกษาที่มีสัดส่วนน้อยกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า การทำงานที่มีสัดส่วนน้อยกว่าคนทั่วไป 2 เท่า หรือปัญหาจากรายได้และความยากจนที่มีมากกว่าคนทั่วไป ย่อมส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนพิการ นอกจากนี้ ความลำบากจากการเคลื่อนไหวร่างกายก็ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงอาหารและทางเลือกในการกินอาหารของคนพิการด้วย
อย่างที่ทราบกันดีว่าการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างสุขภาวะของทุกคน เช่นเดียวกับคนพิการ การเลือกกินอาหารที่ดีย่อมส่งผลสำคัญต่อการฟื้นฟูและรักษาร่างกายให้แข็งแรงและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่จากการสำรวจของ “โครงการศึกษาสถานการณ์การบริโภคอาหาร ความมั่นคงทางอาหาร และความรอบรู้ด้านอาหารของคนพิการไทย” ปี 2568 ของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กลับพบว่า คนพิการได้กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่าคนทั่วไปถึงร้อยละ 10-14 และกว่าร้อยละ 2 ได้กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพบางประเภทมากกว่าโดยไม่มีทางเลือก
จากผลสำรวจสถานการณ์การกินอาหารในกลุ่มคนพิการ เฉพาะคนพิการทางการเคลื่อนไหวและร่างกาย จำนวน 1,947 คน พบว่า โดยรวมคนพิการได้กินอาหารตามเกณฑ์ธงโภชนาการของกรมอนามัยได้น้อยกว่าคนทั่วไปในเกือบทุกประเภทอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ (น้อยกว่าร้อยละ 10.1) ผลไม้ (น้อยกว่าร้อยละ 10) นม (ร้อยละ 0.2) และน้ำเปล่า (ร้อยละ 13.5) ทั้งนี้ อาหารประเภทดังกล่าวถือเป็นอาหารที่มีราคาค่อนข้างสูง และเข้าถึงได้ยากกว่า แม้ว่าในขณะเดียวกัน คนพิการเองก็ได้กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มรสหวาน อาหารทอด หรือขนมถุงรสเค็ม แต่กลับได้กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่าง “อาหารกึ่งสำเร็จรูป” เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป มากกว่าคนทั่วไป (มากกว่าร้อยละ 2.1) ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากส่วนใหญ่อาหารที่ได้รับบริจาคมามักจะเป็นอาหารในลักษณะกึ่งสำเร็จรูปเพื่อง่ายต่อการเก็บรักษาและขนส่งหรือไม่

จากสถานการณ์ดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า คนพิการมีข้อจำกัดอย่างมากต่ออิสระในการเลือกกินอาหาร ทั้งจากข้อจำกัดทางร่างกาย ความเปราะบางทางเศรษฐสังคม และการไม่มีทางเลือกและอิสระในการตัดสินใจเลือกอาหารด้วยตนเอง จากข้อมูลของโครงการ พบว่า กว่าร้อยละ 55.3 ของคนพิการต้องการอาศัยผู้ดูแลหลักในครัวเรือนเป็นผู้ที่ทำอาหารให้กิน มีเพียงร้อยละ 34.4 ที่ทำอาหารกินเองได้ ดังนั้น การส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือแก่คนพิการเพื่อลดความเปราะบางและข้อจำกัดที่พบจึงต้องอาศัยการดูแลส่งเสริมทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและพวกเราทุกคน
แนวทางความช่วยเหลือคนพิการในประเด็นการอาหารและโภชนาการที่สามารถทำได้ คือ 1) พัฒนาแนวคิด “คูปองอาหาร” หรือ “คูปองอาหารสุขภาพ” โดยเน้นไปที่อาหารเพื่อสุขภาพเท่านั้น และ 2) จัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือและให้ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการแก่คนพิการและผู้ดูแลคนพิการโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ เราคนไทยทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญของประเภทอาหารที่เราบริจาคให้แก่คนพิการ โดยเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและเหมาะสมกับลักษณะของความพิการของคนพิการมากขึ้น งดเว้น การบริจาคอาหารที่มีโซเดียม ไขมัน หรือน้ำตาลสูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบ และเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคและปัญหาสุขภาพที่จะตามมา ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนและเพิ่มความเปราะบางให้กับคนพิการมากยิ่งขึ้น