เบื้องหลังอาจซับซ้อน? อดีตทูตวิเคราะห์นายกฯ เยือนซาอุฯ

เบื้องหลังสัมพันธ์ไทย-ซาอุ

เบื้องหลังอาจซับซ้อน? อดีตทูตวิเคราะห์นายกฯ เยือนซาอุฯ





ad1


‘ทูตนอกแถว’ วิเคราะห์การเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าอาจจะมีเบื้องหลังที่ซับซ้อนกว่าที่เห็นกัน - อดขำขื่นไม่ได้ที่เห็นภาพนายกฯ ยกมือไหว้ปลกๆ ทั้งที่ตำแหน่งทางการเมืองสูงกว่า
.
วันที่ 26 ม.ค. 65 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย โดพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว  ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns วิเคราะห์กรณีการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยบอกว่าการกลับมาดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกันนั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็น่าสงสัยในเบื้องหลังของการเชิญครั้งนี้ที่กะทันหัน และเป็นการเชิญโดยฝั่งซาอุดีอาระเบีย การออกข่าวว่าการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นผลงานของรัฐบาลปัจจุบันนั้นจึงเป็นสิ่งที่ยังต้องรอดูกันต่อไปว่าจริงหรือเท็จแค่ไหน
.
“มีอะไรเบื้องหลังการเยือนซาอุดีอาระเบีย?
-
หลายคนอยากฟังเรื่องการไปเยือนซาอุดีอาระเบียของผู้นำไทยที่ผ่านมา ซึ่งก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับพัฒนาการนี้ การกลับมามีความสัมพันธ์ขั้นปกติและที่ดีกับซาอุดีอาระเบียจะอย่างไรถือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและเป็นสิ่งที่น่ายินดีครับ
-
ส่วนที่คนดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ออกมาให้ข่าวว่าเรื่องนี้เป็นผลงานล้วนๆของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อันนั้นจะจริงเท็จแค่ไหนนั้น คงต้องว่ากันอีกที
-
การเยือนครั้งนี้มีขึ้นอย่างค่อนข้างกระทันหัน และทำให้หลายคนแปลกใจ รวมทั้งไม่ทราบสาเหตุแท้จริงที่แน่ชัด แต่ดูเหมือนจะมาจากการตัดสินใจของทางซาอุดีอาระเบียที่เป็นคนเชิญเอง และที่ขณะนี้อยู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก 
-
ผู้ที่ติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศย่อมรู้ว่าขณะนี้ซาอุดีอาระเบียเองมีปัญหาทั้งภายในและด้านการต่างประเทศอย่างมาก ไม่ว่าความขัดแย้งระหว่างพวกราชวงศ์ด้วยกันเอง ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษย์ชน การทำสงครามในเยเมน การทะเลาะและปิดล้อมกาตาร์ และปัญหาภาพลักษณ์จากการสังหารนายคาชอคกี นักข่าวนักวิจารณ์ชาวซาอุดีอาระเบียอย่างโหดเหี้ยม ทำให้กลายเป็นที่รังเกียจและหลายประเทศต้องรักษาระยะห่าง ไม่อยากคบค้า ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลถึงการทำธุรกิจ การลงทุนต่างๆที่กระทบถึงเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียอย่างมาก 
-
และอย่างที่นักวิเคราะห์ทั่วไปรู้กัน คือผู้มีอำนาจในซาอุฯขณะนี้เป็นอีกสายหนึ่งกับทางเจ้าชายที่ถูกโจรกรรมเพชรมาไทย จึงอาจไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้นัก รวมทั้งเรื่องการสังหารนักธุรกิจพระญาติสนิทราชวงศ์คนก่อนในไทยด้วย
-
เมื่อประกอบรวมกัน ก็มีความเป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทางซาอุดีอาระเบียเชิญผู้นำไทยไป ไม่ว่าจะเพื่อแสดงบทบาทด้านการต่างประเทศ หรือการยกบทบาทให้กับมงกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียก็ตาม
-
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ปัจจุบันทางซาอุดีอาระเบียอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการโจรกรรมเพชรและการฆ่านักธุรกิจเชื้อพระวงศ์เช่นเดิมนัก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่น่าที่จะลืมเรื่องนี้โดยง่ายดาย และเท่าที่เห็นรัฐบาลไทยปัจจุบันก็ไม่สามารถคลี่คลายคดีทั้งสองที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการนำไปสู่การปรับความสัมพันธ์ระหว่างกันได้แต่อย่างใด จึงทำให้ยากจะมองได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะผลมาจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาของฝ่ายไทยเป็นหลัก 
-
เรียนตามตรงว่าผมเองยังรู้สึกเรื่องนี้อาจมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านี้ที่ยังไม่รู้ เพราะดูมันปุบปับแบบแปลกๆ และจะว่าไปการพยายามแก้ไขเรื่องนี้ของฝ่ายไทยก็มีมาตลอด ที่บอกว่านี่คือผลงานล้วนๆของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันนั้น ผมจึงไม่แน่ใจนัก โดยเฉพาะมาจากผู้ที่เคยพูดได้ถึงขนาดสหรัฐฯได้มาเตือนตนล่วงหน้าว่าจะโจมตีอิหร่าน จนเป็นที่อับอายขายขี้หน้าไปทั่วโลกมาแล้ว”
.
นอกจากนี้อดีตทูตยังตั้งคำถามอีกด้วยว่า นายกรัฐมนตรีไทยเป็นฝ่ายบินไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่กลับไม่ได้เข้าพบกษัตริย์หรือนายกรัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบียเลย ดูแล้วไม่สมศักดิ์ศรีเท่าไหร่
.
“นอกจากนี้ผมมีข้อสังเกตว่าไปเยือนคราวนี้ ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายบินไปหาเขา แต่ไม่ได้ถูกจัดให้เข้าพบกษัตริย์-นายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียแม้สักนิด ซึ่งแลดูไม่ค่อยสมศักดิ์ศรี หรือก็คือเขาก็ไม่ได้ให้เกียรติอะไรเรานัก ไม่ทราบว่าทำไมไม่สามารถเจรจาให้มีโอกาสเข้าพบกษัตริย์-นายกรัฐมนตรีของเขาเลย
-
แล้วก็เห็นภาพนายกรัฐมนตรีไทยไปยืนยกมือไหว้ฝ่ายเขาปลกๆทั้งที่เทียบระดับเขาต่ำกว่าก็อดขำขื่นๆไม่ได้ 
-
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยินดีด้วยนะครับในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองนี้”