อาลัยสุดซึ้งต่อ "พลทหารชลัท" มีชีวิตกำพร้าพ่อ ตามหาแม่ผู้พิการตั้งแต่เด็ก จบแค่ป.2 หาเงินเลี้ยงยาย สุดท้ายเจอแม่แต่ไม่มีโอกาสสวมกอด

อาลัยสุดซึ้งต่อ "พลทหารชลัท"

อาลัยสุดซึ้งต่อ "พลทหารชลัท"  มีชีวิตกำพร้าพ่อ ตามหาแม่ผู้พิการตั้งแต่เด็ก จบแค่ป.2 หาเงินเลี้ยงยาย สุดท้ายเจอแม่แต่ไม่มีโอกาสสวมกอด





ad1

30 ธ.ค. 2565   พลทหาร ชลัช อ้อยทอง พลแตรเรือหลวงสุโขทัย เพิ่งพ้นวันเกิดตนเองเมื่อ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมาด้วย 22 ปี ร่างของพลทหารชลัท ได้รับการยืนยันเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมาเป็นรายที่21 กำลังพลที่เสียชีวิตจากกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

"น้องแป้ง" แฟนของพลทหารชลัท ได้เล่าเรื่องราวสุดรันทดของแฟนหนุ่มให้ฟังว่า พลัดพรากจากคุณแม่ตั้งแต่เด็กเหตุเพราะคุณแม่มีอาการผิดปกติทางสมอง จึงถูกส่งรักษาอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่ พลทหาชลัท เรียนอยู่ชั้น ป.1  เมื่อโตขึ้น พลทหารชลัทพยายามติดตามหาแม่ที่พลัดพราก และพลทหารชลัทเองก็กำพร้าพ่อด้วย

พลทหารชลัช มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ชุมพร กำพร้าพ่อ แม่พิการทางสมองตั้งแต่เกิด ปัจจุบันอยู่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เรียนจบเพียงชั้น ป.2 แค่อ่านออกเขียนได้ ต้องดิ้นรนทำงานเลี้ยงดูยายวัย 78 ปี ก่อนจะจับสลากได้เป็นทหารเกณฑ์ผลัด 3 ถูกส่งตัวไปฝึกที่กองทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทั่งมาประสบชะเหตุดังกล่าว
น้องแป้งเล่าว่า พลทหารชลัช สูญหาย เขาไม่อยู่ในรายชื่อของ 1 ในผู้ปลอดภัยหลังเกิดเหตุ การสูญหายในท้องทะเลกว้าง นานวันเข้า ความหวังการรอดชีวิตช่างริบหรี่ในการค้นหา ทางกองทัพเรือต้องการ DNA ของญาติ เพื่อนำมายืนยันตัวตนผู้สูญหาย ซึ่งเธอรู้เพียงว่า ญาติของชลัชที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ แม่ ชื่อ นางละมัย อ้อยทองแต่แม่พลัดพรากกับชลัชไปตั้งแต่เขายังเด็กทางเดียวที่จะนำ DNA มาเก็บเพื่อใช้ยืนยันตัวตนผู้สูญหายได้คือ ต้องตามหาแม่ให้ พลทหารชลัช ทางกองทัพเรือจึงช่วยกันประสาน และในที่สุด 15 ปีที่รอคอยของ ชลัช ก็เป็นจริง กองทัพเรือช่วยตามหาแม่ของพลทหารชลัทจนเจอ
แต่ข่าวร้ายที่สุดคือ เราได้พบชลัชในรูปแบบร่างไร้วิญญาณ ชลัชไม่มีโอกาสได้เจอแม่อีกแล้ว แม้แม่จะกลับมา เป็นการพลัดพรากสุดบีบหัวใจ ที่ไม่มีโอกาสได้หวนมากอดกันด้วยความดีใจอีกแล้ว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยได้เดินทางไปที่บ้านของพลทหารชลัช ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านท่าไม้ลาย ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร พบสภาพเป็นบ้านปูนชั้นเดียวก่อด้วยอิฐบล็อก ด้านในไม่ได้ฉาบผิว หลังคามุงกระเบื้องสภาพเก่าทรุดโทรม โดยมีนางอำพร อายุ 56 ปี และนางปัจจะ อายุ 73 ปี อาศัยอยู่ในบ้าน

ทั้ง 2 คนบอกกับผู้สื่อข่าวว่าก่อนหน้านี้มีรถตู้ทหารมารับตัวนางฉ่ำ อายุ 78 ปี ยายของพลทหารชลัช ไปที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปรับศพหลานกลับบ้าน

สภาพภายในบ้านพบมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และมีห้องโถงโล่งจากหน้าบ้านยาวไปถึงครัวหลังบ้าน และมีห้องน้ำอยู่ใกล้กัน มีสิ่งของเครื่องใช้เสื้อผ้าเก่าๆ วางอยู่ทั่ว มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงหม้อหุงข้าว โทรทัศน์เก่าชำรุดใช้การไม่ได้ และวิทยุทรานซิสเตอร์สีดำ 1 เครื่อง ที่คนในครอบครัวใช้เปิดฟังเพลงและข่าวสารบ้านเมืองเท่านั้น โดยที่บ้านหลังนี้ไม่มีแม้แต่รูปภาพของพลทหารชลัชติดใส่กรอบไว้ในบ้านแม้แต่รูปเดียว

นางอำพร อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า ตนเองมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของพลทหารชลัช อาศัยอยู่ร่วมกันที่บ้านหลังนี้มานานแล้วเพื่อดูแลย่าฉ่ำด้วย ที่ผ่านมาไม่เคยได้ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ เลย ทุกวันนี้ฟังข่าวสารจากวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าๆ เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ขณะที่ชีวิตส่วนตัวของพลทหารชลัชน่าสงสารมาก ไม่มีพ่อมาตั้งแต่เกิด ส่วนแม่ก็พิการทางสมองมาตั้งแต่เกิด ขณะนี้แม่ของพลทหารชลัชถูกส่งตัวไปอยู่ที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งประจวบคีรีขันธ์ หรือ “บ้านประจวบโชค” นานเกือบ 20 ปีแล้ว และไม่เคยเจอหน้ากันอีกเลย ส่วนการศึกษาก็จบเพียงชั้น ป.2 เพราะต้องออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงยาย

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหลังทราบข่าวการเสียชีวิต ยายฉ่ำได้พูดอะไรบ้าง นางอำพร บอกว่ายายฉ่ำมีอาการเสียใจแต่ไม่แสดงออก เพียงแต่บอกสั้นๆ ว่า “ถึงเวลาเขาก็พาไป”

สำนักข่าวบางกอกไทม์ ขอแสดงความไว้อาลัยสุดซึ้งต่อการจากไปของ พลทหาร ชลัช อ้อยทอง  ขอวิญญาณท่านสู่สุคติภพ รวมถึงเหล่ากำลังพลทั้งสิ้นที่ต้องจากไปด้วยเช่นกัน