ลุงวัย 60 ขู่กระโดดโทลล์เวย์ น้อยใจคดี “ตู้ห่าว”

น้อยใจคดี “ตู้ห่าว”

ลุงวัย 60 ขู่กระโดดโทลล์เวย์ น้อยใจคดี “ตู้ห่าว”





ad1

07 ม.ค. 2566  ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 6 ม.ค. พบชายวัยอายุ 60 ปี  ชื่อ "ลุงเปี๊ยก" นุ่งกางเกง ไม่สวมเสื้อ และห้อยพระเครื่องเต็มคอ นั่งบนขอบข้างทางบนยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ขาออกหน้าศูนย์การค้าไอทีสแควร์ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ทำท่าจะกระโดดลงไปข้างล่าง โดยตลอดเวลาไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่หรือผู้สื่อข่าวเข้าใกล้ ระหว่างนั้นต่างพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลุงเปี๊ยกเข้ามาดีๆ แต่ลุงเปี๊ยกไม่ยอม ตะโกนตัดพ้อด้วยความน้อยใจ เรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนสีเทา และต่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่เอาจริงเอาจัง พร้อมกับชื่นชมนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาสอยากจะกราบขอบคุณที่ทำเพื่อบ้านเมือง ก่อนจะต่อรองว่า หากได้คุยกับนายชูวิทย์ จะไม่กระโดด แต่ถ้าไม่ได้คุยก็จะกระโดดลงไป ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องต่อสายหานายชูวิทย์ ให้ลุงเปี๊ยกได้คุย จึงมีท่าทีอ่อนลง

กว่าลุงเปี๊ยกจะยอมลงมาขอบโทลล์เวย์ ใช้เวลาเจรจาพูดคุยนานกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้น นายชูวิทย์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า อนุญาตให้ลุงเปี๊ยกเข้าพบได้ ที่โรงแรมเดอะ เดวิส ซอยสุขุมวิท 24 ตามที่นายชูวิทย์ให้สัญญา ทำให้ลุงเปี๊ยก ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้ และเดินทางไปพบนายชูวิทย์ทันที เมื่อเวลา 22.00 น. ที่ผ่านมา

ทันทีที่ลุงเปี๊ยกพบหน้าชูวิทย์ ก็ก้มลงกราบขอบพระคุณ และพูดว่า “ปลื้มปิติที่ได้เจอท่านชูวิทย์ตัวจริง” จากนั้นก็แสดงความชื่นชมนายชูวิทย์ที่ออกมาต่อสู้กลุ่มทุนจีนสีเทาโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลจากฝ่ายใด แล้วบอกว่าการที่ออกมาก่อเหตุแบบนี้ ไม่ได้การต้องการสร้างกระแส แต่ต้องการออกมาต่อสู้เรียกร้องเหมือนกับที่นายชูวิทย์ทำ ไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองแต่อยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคม ขณะที่ นายชูวิทย์ ชื่นชมลุงเปี๊ยกกลับไปเหมือนกันว่า เป็นคนดีที่คิดถึงสังคมก่อน และให้ทำความดีต่อไป ส่วนตนก็จะสู้เต็มที่ ถ้ามันสุดแค่ไหนก็ทำเต็มที่เท่านั้น และถ้าอยากเป็นกำลังใจขอให้คอยติดตามข่าวสารที่ตนนำเสนอต่อสื่อมวลชน

ลุงวัย 60 ขู่กระโดดโทลล์เวย์ น้อยใจคดี "ตู้ห่าว"

หลังจบการพูดคุย นายชูวิทย์ก็เข้าสวมกอดลุงเปี๊ยก และบอกว่า อย่าก่อเหตุลักษณะเช่นนี้อีก และจะขอร่วมบริจาคโลงศพที่ลุงเปี๊ยกทำมาเป็นประจำด้วย แล้วทั้งสองก็ถ่ายรูปร่วมกัน 

ทีมข่าวสอบถามเรื่องนี้กับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งก็ยอมรับว่า ชายคนนี้แทบเป็นขาประจำของโรงพัก อาศัยอยู่ตัวคนเดียว ลูกชายเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ลูกสาวแยกไปอยู่กับครอบครัว ส่วนภรรยาก็แยกทางกัน ทำให้เจ้าตัวมักมีอาการเครียด และเมื่อดื่มสุราจนเมาจะฟุ้งซ่านเรื่องการเมือง เมื่อหลายเดือนก่อนก็เคยพยายามจะฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ขณะเกิดเหตุยอมรับว่าได้กลิ่นสุราจาง ๆ คาดว่าน่าจะมีการดื่มสุรามา เบื้องต้นก็ได้ทำประวัติ ก่อนจะอนุญาตปล่อยตัวกลับบ้าน