จนท. สนธิกำลังเข้าปูพรมหา ผู้ก่อเหตุ บริเวณแฟลตดินแดง หลังเจ้าหน้าที่ถูกยิงที่ศีรษะ 

ม็อบดินแดง

จนท. สนธิกำลังเข้าปูพรมหา ผู้ก่อเหตุ บริเวณแฟลตดินแดง หลังเจ้าหน้าที่ถูกยิงที่ศีรษะ 





ad1

หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ากระชับพื้นที่ บริเวณแฟลตดินแดง ก่อนสนธิกำลังเข้าปูพรมหา หลังเจ้าหน้าที่ถูกยิงที่ศีรษะ 

วันนี้ (6 ส.ค. 64) กลุ่มผู้ชุมนุมรวมกลุ่มกัน ที่บริเวณด้านหน้าแฟลตดินแดง ตั้งแต่ช่วง 20:00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ เข้ามารักษาความปลอดภัย บริเวณถนนมิตรไมตรี เมื่อช่วงเวลา 20:00 น. โดยประมาณ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะใช้ชุดเคลื่อนที่เร็ว เข้ากระชับพื้นที่ ที่บริเวณด้านหน้าแฟลตดินแดง และเกิดการปะทะกับผู้ชุมนุม ที่บริเวณซอยหลังแฟลต จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากถูกยิง ที่บริเวณศีรษะ ก่อนถูกนำส่งโรงพยาบาล 

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็มีการระดมกำลังเข้ามาอยู่เรื่อยๆ โดยมีชุดควบคุมฝูงชน เข้ามาสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อปูพรมหาผู้ก่อเหตุ

เบื่องต้น มีผู้ถูกจับกุม 28 ราย เป็นเยาว์ชน 2ราย ก่อนถูกพาตัวไป สน. พหลโยธิน บางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเจ้าหน้าที่ คฝ. เข้าจับกุม ถูกพาตัวไป โรงพยาบาลตำรวจ

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงถึงกรณีการเข้าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่บริเวณแยกดินแดง

โดยระบุว่า ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันแต่ช่วงเย็นที่บริเวณซอยมิตรไมตรี 2 และบริเวณแยกดินแดง จากนั้นได้มีการเผาทำลายทรัพย์สินหลายรายกายที่บริเวณใต้ทางด่วนแยกดินแดง รวมถึงมีการขว้างปาระเบิด ประทัดต่างๆ จนกระทั่งเวลา 22.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ได้เข้าปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายในการรักษาความสงบเรียบร้อย และจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 16 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุจำนวนมาก เช่น พลุ ระเบิดปิงปอง ระเบิดแสวงเครื่อง หนังสติ๊ก ลูกแก้ว เป็นต้น และเมื่อเวลาประมาณ 22.43 น. ที่บริเวณใต้แฟลตดินแดง ได้มีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนถูกยิงเข้าที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งในขณะนี้เวลาประมาณ 00.45 น. ของวันที่ 7 ต.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังคงได้รับการรักษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ อยู่ในห้องฉุกเฉิน และในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังอยู่บริเวณพื้นที่ดินแดง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และขอให้พี่น้องประชาชนที่ไม่มีความจำเป็น อย่าออกมานอกเคหสถาน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถานตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และเพื่อความปลอดภัย หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะรายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป