ร้านหมูสุดจะทน!! ล้อมจับสาวปรับแต่งสลิปซื้อของ นาน 5 เดือน รวม 208 รายการ “เสียหายนับล้าน
ร้านหมูสุดจะทน จับสาวปรับแต่งสลิปซื้อของ นาน 5 เดือน


วันนี้ 10 กันายน 2565 ที่ร้านหมูรำพึง สาขาตลาดเอเวอรี่ติง จิงเกิลเบลส์ ถนนวัดเกาะ คลองถนน เขตสายไหม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานสายไหมต้องรอด ได้ประสานไปยังตำรวจสน.สายไหม เพื่อเข้าจับกุม น.ส.วรรณนิภา มุสิทธิ์มณี อายุ 25 ปี หลังเข้ามาซื้อหมูน้ำหนักรวมประมาณ 100 กิโลกรัม มูลค่า 18,868 บาท แต่กลับนำสลิปที่มีการปรับแต่งชื่อผู้รับโอนเงินมาแสดง ซึ่งก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง
จากการสอบถามนายเฉลิมพล รัตนพิทักษ์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านหมูรำพึง เล่าว่า เมื่อวานนี้ทางร้านมีการตรวจสอบบัญชีรายรับของสาขาตลาดเอเวอรี่ติง จิงเกิลเบลส์ สายไหม เนื่องจากพบว่าที่สาขานี้ขายขาดทุนมาโดยตลอด ซึ่งจากการตรวจสอบสลิปย้อนหลังพบว่าลูกค้ารายนี้เข้ามาซื้อของเป็นประจำ ทุกครั้งจะโอนเงินผ่านมือถือแล้วส่งสลิปซึ่งปรากฎผู้รับเงินเป็นชื่อร้าน แต่เมื่อสแกนคิวอาร์โค๊ต กลับเป็นชื่อของลูกค้าเอง จึงเชื่อว่าลูกค้ารายนี้มีการปรับแต่งสลิป จึงทำการตรวจสอบย้อนหลังพบว่ามีการปรับแต่งสลิปมาซื้อของตั้งแต่ เดือนเมษายน รวม 18 รายการ พฤษภาคม 52 รายการ มิถุนายน 29 รายการ กรกฎาคม 44 รายการ สิงหาคม 51 รายการ กันยายน 11 รายการ และครั้งล่าสุด 3 รายการ รวม 208 รายการ มูลค่ากว่า 1,615,857 บาท ซึ่งตนได้แจ้งความไว้ที่สน.สายไหม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ต่อมาลูกค้ารายนี้ได้ส่งไลน์ให้ทางร้านเตรียมของไว้ แล้วจะเข้ามารับของช่วงบ่าย โดยมีการสั่งของมูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นบาท จึงได้ปรึกษาทางสายไหมต้องรอดวางแผนเพื่อจับตัวคนร้ายรายนี้ เมื่อคนร้ายมาถึงพบว่ามาด้วยกัน 4 คน ชาย 1 หญิง 3 ทางร้านได้ให้คนงานเตรียมของแต่บอกว่าได้ของไม่ครบ คนร้ายจึงนั่งกินข้าวรอ เมื่อได้ของคนงานได้ยกขึ้นรถก่อนคนร้ายจะเดินเข้าไปที่แคชเชียร์เพื่อโอนเงิน จำนวน 3 สลิป ทางร้านจึงขอถ่ายสลิปไว้ ปรากฎว่ามีการปรับแต่งสลิปจริง จึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่สกัดรถที่กำลังจะขับออกจากร้านโดยทันที
เบื้องต้นผู้ต้องหารายนี้ยอมรับว่าก่อเหตุจริง โดยก่อนหน้าทำทีมาซื้อของจ่ายเงินจริงเพื่อให้ได้สลิปของจริง จากนั้นเมื่อมาซื้อครั้งต่อไปก็มีการปรับแต่งสลิป โดยตัดชื่อร้านมาแปะสลิปที่ตนโอนเงินตามจำนวนสินค้าที่ซื้อของก่อนส่งให้ทางร้าน และทำเพียงคนเดียว ส่วนคนที่มาด้วยทั่งพี่ แม่ และเพื่อนไม่รู้เห็นกับการก่อเหตุในครั้งนี้ เมื่อได้ของมาก็จะนำไปขายคนรู้จักในราคากิโลละ 200 บาท เงินที่ได้มาก็นำมาเลี้ยงดูครอบครัว
อย่าไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การพร้อมแจ้งข้อหาฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร และพรบ.คอมพิวเตอร์