โคราชป่วน ! กิจกรรมสังสรรค์สร้างปัญหา ทำโควิดระบาดในชุมชน (มีคลิป)

โคราชป่วน ! กิจกรรมสังสรรค์สร้างปัญหา  ทำโควิดระบาดในชุมชน (มีคลิป)





ad1

นครราชสีมา-โคราชป่วน ! กิจกรรมสังสรรค์สร้างปัญหา  ทำโควิดระบาดในชุมชน ขณะที่ผู้ต้องขังติดเชื้อสะสมเกือบ 1,800 รายแล้ว  ผู้ว่าฯ สั่งจับตาการรวมกลุ่มคนทุกกิจกรรมและลอยกระทง หากควบคุมไม่ได้ต้องเลิกจัดทันที

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมทั้ง การดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ 64 ราย เป็นการติดเชื้อกันเองในจังหวัด 60 ราย และติดเชื้อมาจากนอกจังหวัด 4 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสมล่าสุดอยู่ที่ 30,645 ราย โดยรักษาหายแล้ว 28,641 ราย ยังรักษาอยู่ 1,769 ราย มีเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 235 ราย  ซึ่งทางจังหวัดฯ ได้เร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดอัตราการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 โดยกลุ่มเป้าหมายอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 2,152,381 ราย สามารถฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 1,362,554 ราย หรือคิดเป็น 63.30 %,ฉีดเข็ม 2 ได้ 1,115,051 ราย หรือ 51.81 % และเข็ม 3 ฉีดได้ 97,736 ราย หรือ 4.54 % รวมฉีดไปแล้ว 2,575,341 โดส  ส่วนกลุ่มเป้าหมายอายุ 12-18 ปี จำนวน 147,724 ราย สามารถฉีดเข็ม 1 ได้แล้ว 121,592 ราย หรือ 82.31 % ,เข็ม 2 ฉีดได้ 62,817 ราย หรือ  42.52 % รวมฉีดวัคซีนไปแล้ว 184,409 โดส  

สำหรับความคืบหน้าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในเรือนจำทั้งหมด 6 แห่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จะมีอยู่ 2 แห่งที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 มีผู้ต้องขังติดเชื้อสะสมแล้ว 1,793 ราย ได้แก่

1) เรือนจำกลางนครราชสีมา อ.เมืองนครราชสีมา  ล่าสุดพบว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อเพิ่มอีก 435 ราย รวมติดเชื้อสะสม 1,307 รายแล้ว โดยเป็นผู้ป่วยเคสสีแดง จำนวน 5 ราย  ส่งรักษา รพ.มหาราชนครราชสีมา, เคสสีเหลือง จำนวน 7 ราย ส่งรักษา รพ.โกลเด้นเกท และผู้ป่วยเคสสีเขียว อีก 1,295 ราย แยกกักตัวรักษาในเรือนจำกลางฯ โดยให้การรักษาตามอาการ และให้ทานยาฟ้าทะลายโจรตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำและครอบครัว  ได้สั่งหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 3 ชุด ชุดละ 1 สัปดาห์ โดยจะต้องคัดกรองว่าปลอดเชื้อทุกคน และเมื่อออกเวร จะต้องตรวจ PCR หรือ ATK ซ้ำ ถ้าพบเชื้อจะส่งรักษาและถ้าไม่พบเชื้อจะสั่งกักตัว 14 วัน ในขณะที่ผู้ต้องขังรายอื่นที่ยังไม่ติดเชื้อ ได้ดำเนินการคัดกรอง ตรวจเอ็กซเรย์ปอดหาเชื้อให้กับผู้ต้องขังทุกคน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น จะได้ไม่เกิดความตระหนกตกใจ

2) ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา อ.สีคิ้ว พบผู้ต้องขังติดเชื้อเพิ่ม 17 ราย รวมติดเชื้อสะสม 486 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ป่วยเคสสีเขียว ไม่มีโรคประจำตัว และไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง ได้แยกกักตัวรักษาอยู่ใน รพ.สนามทัณฑสถานหญิงนครราชสีมาแล้ว และแจกยาฟ้าทะลายโจรให้ตั้งแต่วันแรกที่พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด19  

นอกจากนี้ มีคลัสเตอร์ที่ต้องจับตาและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากพบการระบาดเพิ่ม โดยเป็นคลัสเตอร์เก่า 2 คลัสเตอร์ ได้แก่ 

1) คลัสเตอร์ โรงงานศรีไทยซุปเปอร์แวร์ อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งจากจำนวนแรงงานไทย 690 คน และแรงงานต่างชาติ 250 คน พบว่า  แรงงานไทย เดิมติดเชื้อ 64 ราย และ 1 รายได้ลาออกไปแล้ว  และล่าสุด พบติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย  รวมแรงงานไทยในโรงงานติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 65 ราย  ส่วนแรงงานต่างชาติ เดิม ติดเชื้อ 146 ราย เชื้อแพร่ทำให้ลูกของแรงงานต่างชาติ ติดเชื้อไปด้วย 3 ราย ซึ่งจากการตรวจเชิงรุกล่าสุด พบแรงงานต่างชาติ ติดเชื้อเพิ่มอีก 66 ราย รวมแรงงานต่างชาติและลูก ติดเชื้อสะสมแล้ว 215 ราย  สรุปรวมคลัสเตอร์มีแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ ติดเชื้อแล้ว 277 ราย และลูกของแรงงานต่างชาติ ติดเชื้อ 3 ราย

2) คลัสเตอร์ กิจกรรมสังสรรค์ อ.ปากช่อง พบเชื้อแพร่ระบาดออกไปถึง 3 วง เริ่มแรกระบาดในกลุ่มเพื่อนๆ 27 คนที่นัดพบปะสังสรรค์ ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งมีหมุนเวียนเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ พบผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุ 55 ปี ได้แพร่เชื้อให้เพื่อนๆ  ทำให้วงแรกที่ทำกิจกรรมร่วมกันติดเชื้อ 8 ราย ต่อมาเชื้อแพร่ออกไปเป็นวงที่ 2 ทำให้คนในครอบครัว  เพื่อน และครอบครัวเพื่อน ติดเชื้ออีก 2 ราย  ล่าสุด ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 ราย และแพร่กระจายเป็นวงที่ 3 ทำให้ครอบครัวและญาติของเพื่อน ติดเชื้ออีก 4 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ติดโควิด 19 แล้ว 17 ราย ขณะนี้ ศบก.อำเภอปากช่อง เร่งตามหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่มเติมอย่างเข้มข้น เพื่อนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบรักษาโดยเร็ว

ส่วนคลัสเตอร์ใหม่ ที่พบผู้ติดเชื้อมี 3 คลัสเตอร์ ได้แก่ 

1) คลัสเตอร์ เครือญาติบ้านค้างพลูใต้ หมู่ 3 ต.ค้างพลู อ.โนนไทย  เริ่มจากญาติ 7 คนเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง กรุงเทพฯ มาตั้งวงสังสรรค์กับเครือญาติในหมู่บ้าน ม.4 ต.ค้างพลู และหลังเดินทางกลับ ได้แจ้งจากมาว่า ติดเชื้อโควิด 19 ทำให้ผู้ป่วยหญิงรายแรกของบ้านนี้ แจ้ง อสม. และพาคนในครอบครัวไปตรวจ พบว่าติดเชื้อรวม 3 ราย แต่เนื่องจากมีการกินข้าวและสังสรรค์กับญาติและคนรู้จักใน ม.3 ต.ค้างพลูด้วย ศปก.อำเภอโนนไทย จึงตรวจเชิงรุกกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง  พบติดเชื้ออีก 9 ราย ซึ่งเชื้อได้แพร่เป็นวง 2 มีญาติที่อาศัยร่วมบ้านเดียวกัน และเพื่อนร่วมงาน ติดเชื้อไปด้วย 2 ราย รวมคลัสเตอร์นี้มีผู้ป่วยติดโควิด 19 แล้ว 14 ราย แต่ยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในชุมชนอีก 77 ราย ที่ ศบก.อำเภอได้สั่งให้กักตัวเองที่บ้าน และให้ผู้นำชุมชนเข้าควบคุมกำกับแล้ว

2) คลัสเตอร์ เครือญาติบ้านพระบึง หมู่ 10 ต.บ่อปลาทอง อ.ปักธงชัย เริ่มจากครอบครัวผู้ป่วยรายแรกทำงานในตัวเมืองนครราชสีมา  ช่วงเสาร์-อาทิตย์จะกลับไปเยี่ยมบ้านที่ อ.ปักธงชัย เมื่อกลับไปทำงานเริ่มมีอาการป่วย ตรวจพบว่าติดเชื้อทั้งครอบครัว รวม 5 ราย จึงรีบโทร.แจ้งเครือญาติในหมู่ 10 ต.บ่อปลาทอง อ.ปักธงชัย ให้ทราบ ซึ่งต่อมาได้ไปตรวจหาเชื้อ พบว่าติดโควิด 19 อีก 3 ราย และเมื่อค้นหาเชิงรุกเพิ่มเติม พบญาติที่มาพบปะพูดคุยกันใน หมู่ 4 ต.ตะขบ ซึ่งพ่อแม่เพิ่งเดินทางมาจาก จ.ชลบุรี ไปตรวจเชิงรุกพบว่า ติดเชื้ออีก 5 ราย และในจำนวนนี้ เป็นเด็ก ป.6 โรงเรียนได้ 1 วัน ทาง ศปก.อำเภอปักธงชัย จึงได้ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 9 คนในโรงเรียน นำมาตรวจหาเชื้อแต่ผลเป็นลบ ทางโรงเรียนมีความตระหนัก จึงได้สั่งปิดโรงเรียนชั่วคราวเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ และนำกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดตรวจหาเชื้อซึ่งผลเป็นลบ สรุปคลัสเตอร์นี้มีผู้ติดเชื้อ 13 ราย

3) คลัสเตอร์ บริษัทกูดบิวดิ้ง ดีไซด์ บ้านคอหนองบัว หมู่ 3 ต.หนองไข่น้ำ อ.เมืองนครราชสีมา  มีการตรวจ ATK พนักงาน พบผลเป็นบวก ส่งตรวจ PCR ซ้ำยืนยันติดเชื้อ 10 ราย ศปก.อำเภอเมืองฯ ได้เข้าควบคุมดูแลแล้ว และจากการสอบสวนโรคพบว่า พนักงานทั้งหมด 38 คน จะพักอาศัยอยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้าง แต่เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีงาน จึงรับจ้างผสมปูนและขับรถไปเทปูนในไซต์งานต่างๆ แล้วพบว่าติดเชื้อ ซึ่งได้สั่งกักตัวในแคมป์คนงานแล้ว

ทั้งนี้ นายวิเชียรฯ ได้สั่งกำชับในที่ประชุมฯ ให้ ศปก.ทั้ง 32 อำเภอจับตากิจกรรมการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ตั้งแต่การสังสรรค์พบปะในครอบครัว เครือญาติ ไปจนถึงกิจกรรมตามประเพณี อย่างเช่น ประเพณีลอยกระทงที่จะมีในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ จะต้องวางแผนดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันโรคอย่างเข้มข้น โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งหากพิจารณาแล้ว พบว่า มาตรการไม่เป็นไปตามที่สาธารณสุขกำหนด ก็ห้ามจัดกิจกรรมนั้น และหากวางมาตรการไว้พร้อม แต่เมื่อเริ่มดำเนินกิจกรรมแล้ว ไม่สามารถควบคุมป้องกันโรคได้ตามมาตรการที่กำหนดไว้  จะต้องเลิกจัดกิจกรรมนั้นทันทีเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เชื้อแพร่ระบาด