รวบแล้ว!โจรชิงทองห้างดังขอนแก่นโจ๋วัย17 รับหาเงินเล่นพนันออนไลน์

รวบแล้ว!โจรชิงทองห้างดังขอนแก่นโจ๋วัย17 รับหาเงินเล่นพนันออนไลน์





ad1

จากกรณีคนร้ายก่อเหตุใช้อุวธปืน ทำการชิงทรัพย์ร้านทองกีรติ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ขอนแก่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วม บก.สส.ภ.4 และ บก.สส.ภ.2 สามารถทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาคือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ได้ภายในโรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในพืน้ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และได้ถูกนำตัวมาทำการสอบสวน ที่ บช.ภ.4 จ.ขอนแก่น เมื่อวานที่ผ่านมา ( 25 พ.ย.)) และขณะนี้ผู้ต้องหายังคงอยู่ในคุมขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ตามขั้นตอนของการสอบสวน ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปอย่างต่อเนื่องนั้น 

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 พ.ย.2564 พล.ต.ท.ยรรยง  เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า จากากรตรวจสอบพฤติกรรมและพฤติการณ์ของคนร้ายวัย 17 ปี รายนี้ พบว่า หลังก่อเหตุ ได้วิ่งหลบหนีออกจากห้างเซ็นทรัลฯ ที่บริเวณประตูด้านหน้า ฝั่งติด กับ ถ.ศรีจันทร์ ผ่าน  มุ่งหน้าเข้าชุมชนศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ผ่านหน้าสถานีรถไฟขอนแก่น ผ่านตลาดรถไฟขอนแก่น และเข้าไปในบริเวณลานจอดแห่งหนึ่งในซอยวัดวุฒาราม  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อให้พลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแส จนกระทั่งมีพลเมืองดีท่านหนึ่งแจ้งเบาะแสเข้ามา กำลังเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่งในซอยวัดวุฒาราม และพบสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น ตกอยู่  และบริเวณใกล้เคียงกันมีหอพัก  จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด และตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าพักหอพัก พบว่ามีชายต้องสงสัยคือ นายเอ อายุ 17 ปี (นามสมมุมติ)  ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายเอ เป็นคน จ.ชลบุรี   และเคยมาทำงานที่ร้านอาหารในเขตตัวเมืองขอนแก่นในช่วงปี 2561-2562 จากนั้นได้ลาออกและไปทำงานอยู่ที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในพื้นที่   ต.คลอง สี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจากข้อมูลพบว่าผู้ต้องหา ยังคงอาศัยอยู่ที่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร จึงไปมาหาสู่กันระหว่าง จ.สกลนคร,ขอนแก่น,ชลบุรี และ ปทุมธานี

  

“ผู้ต้องหาได้มาเปิดห้องเช่ารายวันของหอพักดังกล่าว ในวันที่ 16 พ.ย. และเช็คเอ้าท์ออกในวันที่ 21 พ.ย. โดยจากากรสอบสนและเฝ้าติดตามพบว่า เมื่อผู้ต้องหาออกจากขอนแกนแล้ว ได้เดินทางไปพักกับบ้านญาติที่ จ.ชลบุรี  และกลับไปทำงานที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยคนร้าย จนกระทั่งแน่ชัดด้วยพยานหลักฐาน จึงขออำนาจศาล จ.ขอนแก่น อนุมัติออกหมายจับ และจับกุมตัวนายเอได้ที่ จ.ปทุมธานี ขณะทำงานภายในโรงงานดังกล่าว ก่อนที่จะควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผลและเข้าตรวจค้นห้องพักที่ จ.ชลบุรี พบสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 4 เส้นซุกซ่อนอยู่ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทองที่ร้านกีรติภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ ขอนแก่น จริง  เพราะติดพนันออนไลน์  และอยากมีเงินเล่นพนัน  จึงลางานจากปทุมธานีเดินทางมาที่ขอนแก่น  และเปิดห้องพักที่หอพักดังกล่าว และได้มาดูลาดเลาก่อก่อเหตุหลายครั้ง โดยเลียนแบบพฤติกรรมจากสื่อโซเชียล และในวันก่อเหตุ ได้เดินจากหอพักมาตามรางรถไฟ และเข้าก่อเหตุ ดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้เจ้าหน้าที่จะพบผู้ต้องหาคนเดียวในการลงมือ แต่การสอบสวนจะขยายผลต่อไปหากพบใครมีส่วนเกี่ยข้อง ก็จะจับกุมมาดำเนินคดีทั้งหมด ขณะที่อาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นผู้ต้องหาระบุว่าได้ทิ้งในป่าริมทางรถไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาและตรวจยึดมาตรวจสอบแล้ว” 

ขณะที่เจ้าของร้านทองกีรติ บอกเพียงสั้นๆว่า ในกรณีที่คนร้ายเข้ามาในร้านแล้วพนักงานไม่เห็นนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะขณะนั้นพนักงานของร้านให้บริการลูกค้าทั้งหมดและให้การใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้านได้เน้นย้ำพนักงานมาตลอด ว่าของที่อยู่ตรงหน้าคือความรับผิดชอบของเรา ทุกนต้องดูแลและทำหน้าที่ให้ดี ทำให้ในช่วงจังหวะดังกล่าว พนักงานจึงไม่ทันมองเห็น ว่ามีคนร้ายเข้ามา พอเห็นอีกทีเป็นตอนที่คนร้ายอยู่ในร้านแล้ว และกำลังล้วงอะไรบางอย่าง เหมือนจะหยิบทองมาขายหรือมาจำนำ แต่ปรากฏว่าเป็นปืนแล้วยิงขึ้นฟ้าทำให้พนักงานและลูกค้าในร้านต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด  

“ถามว่าเหตุการณ์ในวันนั้นปกติหรือไม่ที่มีคนแต่งกายในลักษณะปกปิดมิดเดินเข้ามาในห้างฯและเข้ามาในร้านและก่อเหตุขึ้น ซึ่งไม่ว่าใครก็มองว่าไม่ใช่เรื่องปกติ เนื่องจากคนร้ายได้สวมไอ้โม่งเข้ามาในห้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น รปภ.ด้านหน้าก็น่าจะให้ลูกค้าถอดออกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จำเป็นต้องหารือร่วมกับทางเจ้าหน้าที่และศูนย์การค้าฯ ในการเพิ่มมาตรการต่างๆในการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะการเสริมกรงเหล็ก การติดตั้งกระจกนิรภัย หรือประตูนิรภัยเพื่อป้องกันคนร้าย อีกทั้งร้านเช่าอยู่ ในห้างฯที่มีมาตรฐาน  ซึ่งปกติมีโต๊ะของรปภ.อยู่บริเวณด้านหน้า แต่วันเกิดเหตุไม่มี รปภ.อยู่ ผู้ให้เช่าคือทางห้างฯต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน”