ตั้งกก.สอบปมทิ้งศพคนตายในรถ 12 ชม. หลังอุบัติเหตุ-กู้ภัยไม่เปิดรถดูกลัวของหาย-ร้อยเวรรับไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ

ตั้งกก.สอบปมทิ้งศพคนตายในรถ 12 ชม.หลังเกิดอุบัติเหตุ

ตั้งกก.สอบปมทิ้งศพคนตายในรถ 12 ชม. หลังอุบัติเหตุ-กู้ภัยไม่เปิดรถดูกลัวของหาย-ร้อยเวรรับไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ





Image
ad1

12 ส.ค. 2565  กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. นายธน วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนจากกรมทางหลวง ตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมกันแถลงชี้แจงถึงกรณีนายภัทรชัย อายุ 68 ปี ประสบอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนข้างทางอย่างแรง บนถนนมอเตอร์เวย์ ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าพัทยา ส่งผลให้กระโปรงหน้ารถพังยับ และมีการเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมาพบว่า มีศพติดอยู่ในซากรถ ชายคนดังกล่าวถูกปล่อยร่างทิ้งไว้ในรถนาน 12 ชั่วโมง เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยพล.ต.ต.เอกราช กล่าวแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต พร้อมรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า จากรณีเหตุดังกล่าวได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว หากพบใครเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา ย้ำทางกู้ภัย กรมทางหลวง มีขั้นตอนการปฏิบัติงาน และ พฐ. ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น ส่วนที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง ก็เป็นสิทธิของญาติ ให้เป็นไปตามขั้นตอน

ด้านพ.ต.ท.รัตพล วรรณ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ยอมรับไม่ได้ไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ โดยได้รับรายงานว่าไม่พบผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และคู่กรณี โดยได้ดูคลิปที่เกิดเหตุที่ส่งมาทางไลน์ และขอ CCTV ตรวจสอบ จึงได้ให้เคลื่อนย้ายรถเพื่อไม่ให้กีดขวางจราจร ย้ำมีความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งตนได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลวิภาราม บริเวณใกล้เคียง แต่ไม่พบผู้บาดเจ็บ จึงคาดว่าญาติจะมาติดตาม จนเวลาผ่านไปนานจึงเข้าตรวจสอบเอกสารที่รถ จึงพบร่างนายภัทรชัย

ขณะที่นายภาสกร เจ้าหน้าที่กู้ภัย เปิดเผยว่า เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุตั้งใจพยายามเข้าตรวจสอบเหตุให้เร็วที่สุด ประมาณไม่เกิน 5 นาที โดยมองผ่านช่องซ้าย มองเข้าไปไม่พบผู้ขับขี่ ไม่พบสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่พบคราบเลือด และทรัพย์สินฝั่งคนขับเท่านั้น ซึ่งอุบัติเหตุที่เคยเจอมาหากมีการชน ผู้ขับขี่จะฟุบไปด้านหน้าพวงมาลัย หรือเอนไปด้านหลัง ยอมรับมองไม่เห็นจริงๆ ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว แต่ในที่เกิดเหตุมีผู้ร่วมตรวจดู 6 คน ใช้เวลาสักพัก ซึ่งพยายามมองโซนนั่ง ดูกระจกหลัง รวมถึงไปเปิดประตูด้านหลังก็ไม่พบ

ส่วนทำไมจึงไม่ตรวจสอบด้านขวาฝั่งคนขับ เป็นเพราะไม่ต้องการไปยุ่งกับทรัพย์สิน เนื่องจากเคยมีการร้องเรียนเรื่องทรัพย์สินสูญหาย จึงคิดว่าอาจมีผู้หวังดีพาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล เมื่อมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกชุดมาถาม จึงแจ้งว่าไม่พบผู้ขับขี่ เหมือนบางเคสที่ผ่านมา
“เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดที่ไม่สามารถเจอคุณลุงได้ในขนาดนั้น น้อมรับสิ่งที่สังคมวิจารณ์ ยืนยันปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์”
พันตำรวจเอกนายแพทย์ปกรณ์ วะศินรัตน์ ผู้แทนสถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่า จากการผ่าพิสูจน์พบว่า ศพมีรูปร่างสันทัดไม่อ้วนไม่ผอม สาเหตุหลักๆ กระดูกซี่โครงหักทั้งสองข้างหลายซี่ รวมถึงกระดูกรามหน้าอก มีการช้ำของเยื่อหุ้มหัวใจ บริเวณขั้วหัวใจที่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดแดงใหญ่ ทำให้มีเลือดออกปริมาณมาก ซึ่งพบได้บ่อยในอุบัติเหตุที่เกิดจากการลดความเร็วอย่างรวดเร็วและมีแรงเหวี่ยง และตรวจไม่พบการบาดเจ็บอื่นที่เป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
พันตำรวจเอกนายแพทย์ปกรณ์ กล่าวว่า ตามทฤษฎีอนุมานจากลักษณะอาการบาดเจ็บที่พบรุนแรง การฉีกขาดของห้วใจ ผู้ประสบเหตุสามารถเสียชีวิตได้ทันที สูงถึง 80% แต่ไม่สามารถระบุช่วงเวลาหลังเกิดเหตุจะเสียชีวิตได้ภายในกี่นาที ส่วนอีก 20% ที่ไม่เสียชีวิต จะพบผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัสมากไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
นายธน วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนจากกรมทางหลวง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ติดต่อกับลูกสาวผู้เสียชีวิต และกรมทางหลวง รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพจัดงานศพผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ อธิบดีกรมทางหลวงได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ทางให้รัดกุมมากขึ้น