นายกฯยันยังไม่ใช้ยาแรง-ไม่ปิดประเทศ หลังชาติรอบบ้านติดโอไมครอน

นายกฯยันยังไม่ใช้ยาแรง-ไม่ปิดประเทศ หลังชาติรอบบ้านติดโอไมครอน





ad1

นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ยังไม่ใช้ยาแรง หรือปิดประเทศ หลังเจอ "โอไมครอน" ระบาดรอบบ้าน ขออภัยผู้ประกอบการ ต้องเลื่อนเปิด ผับ-บาร์ 

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 25 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ว่า ได้มีการแจ้งเตือนแล้ว ตั้งแต่รับทราบข้อมูลจากเว็บไซต์ ซึ่งขอชมเชยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อรับนโยบายไปแล้วก็ดำเนินการทันที ทั้งคณะรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค.อีกทั้งต้องขออภัยในหลายอย่างที่คิดว่า จะทำได้ แต่เมื่อมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงเข้ามา ก็ต้องมีมาตรการรองรับ แม้จะยังไม่พบการติดเชื้อในประเทศไทย แต่ต้องให้ความสำคัญ ทั้งการเตรียมวัคซีนและยารักษา แต่ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกวา สำหรับมาตรการการเปิดประเทศและคลายล็อกให้กับผู้ประกอบการ จะต้องเลื่อนออกไปบ้าง และขอความเห็นใจให้นึกถึงประชาชนคนอื่นด้วย หากรัฐบาลไม่ทำแบบนี้ ก็จะล้มเหลวทั้งหมด และกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น เป็นเรื่องที่จำเป็น ไม่มีใครอยากจะทำ ซึ่งหลังจากนี้ ต้องพิจารณาเป็นรายเดือน โดยฟังความเห็นจากแพทย์และกระทรวงสาธารณสุข

"ตนเองรับฟังความเห็นของผู้ประกอบการและเป็นคนสั่งให้เยียวยา อะไรที่ดำเนินการได้ก็ดำเนินการไปก่อน แต่พื้นที่ที่เป็นแบบปิดหรือเสี่ยงสูง ก็เลื่อนไปก่อนและจะดำเนินการเยียวยาโดยนำความเห็นเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตามกลับมาตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR นั้นกว่า 200 คนนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามอยู่ และขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ หากพบรีบแจ้งเจ้าหน้าที่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยืนยัน จะยังไม่ใช้ยาแรงหรือการปิดประเทศ หลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนในประเทศรอบบ้าน เพราะต้องมองสองทาง ทางด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจด้วย รวมถึงความปลอดภัย ซึ่งมาตรการที่ออกมาไม่ใช่จะออกมาได้ง่ายๆ เพราะต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาในหลายฝ่ายกว่าจะมาถึงนายกรัฐมนตรี วันนี้ต้องใช้ Covid Free Setting ต้องช่วยกันขยายความแบบนี้ ไม่อย่างนั้นก็จะเอาความเดือดร้อนมาพูดอย่างเดียว แต่ไม่บอกว่ารัฐบาลเตรียมการไว้อย่างไร ทำให้เกิดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่สามารถทำให้งานเดินหน้าไปได้