ตำรวจจับแพะ บูชายัญ “จินหลิง”
.
แบ่งทีมกันวุ่นวาย ไม่ประสานงาน แต่ประสานงาแทน
.
หลักฐานที่ผมเอาไปให้ตำรวจ แท้จริงไปไม่ถึง ไม่ได้เอาไปใช้สักนิด จะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่
.
เมื่อพลเมืองอย่างผมขับเคลื่อน ต้องการกำจัด “ทุนจีนสีเทา” ให้สิ้นซากในสังคมไทย
.
กลายเป็นทำท่ารับเรื่องถ่ายรูปแล้วโยนทิ้ง
.
ต่างคนต่างเก่ง ต่างคนต่างไปคนละทาง
.
คนหนึ่งเก่งออกจอ อีกคนก็เก่งแบบข้ามาคนเดียว
.
ข้อมูลในสำนวนรั่วไหลมาถึงมือผม จากตำรวจน้ำดีที่มีคุณธรรมแต่ไม่โต จึงต้องเปิดมาแฉกันต่อให้สังคมได้รู้เช่นเห็นชาติ
.
แปลกประหลาดอันดับต้นๆ จากเรื่องแปลกทั้งหมดของคดี “ตู้ห้าว” คือ
.
นอกจากเหลือผู้ต้องหาคดีนี้ เพียง 6 คน (ขอย้ำ “ผู้ต้องหา 6 คน” ไม่ใช่เหลือฉี่สีม่วง 6 คน !)
.
หนึ่งในนั้น คือ “การเอา รปภ. ที่เฝ้าอยู่หน้า จินหลิง ที่สมควรเป็น “พยาน” มาเป็น “เจ้าของสถานที่” โดนข้อหา “เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต”
.
แถมยังยัดเข้าคุกเสียด้วย แม้ว่าจะปล่อยออกมาในภายหลัง
.
นั่นหมายความว่า แทนที่จะได้พยานกลับจับคนบริสุทธิ์เข้าคุก ตั้งข้อหาโง่ๆ บังความผิดให้กับตัวใหญ่
.
เป็นแค่ รปภ. จะเป็นเจ้าของได้ไง?
.
สุดประหลาดล้ำลึก ซ่อนเงื่อน กลั่นแกล้ง โยนความผิด
.
“จับยามคนไทยบ้านนอกไม่รู้เรื่อง แต่กลับปล่อยคนจีนสีเทาออก”
.
การได้ “พยาน” สัก 1 คน ที่จะให้ข้อมูลใครเข้าออกตลอดระยะเวลา เพราะเป็น รปภ. มาตั้งแต่เปิด ย่อมเป็น “พยานชั้นหนึ่ง”
.
แต่กลับเอาไปยำเข้าคุกจนเขากลัวหัวหด หลังจาก “ย่ำยี่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” เสียหนำใจ
.
สถานที่นี้เป็น “สถานที่มั่วสุมเสพยา” ไม่ใช่ “สถานบริการ” อย่างที่พยายามปั้นเรื่องในสำนวนให้ตู้ห่าวรอดคดียาเสพติด
.
สรุปง่ายๆ แต่ฟังยากระคายหู คือ คดีนี้ “ไม่มีพยาน” แม้แต่คนเดียว
.
อย่างนี้ “ตู้ห่าว” เจ้าพ่อมาเฟียจีนเทาจะไม่หลุดได้อย่างไร?
.
หากเข้าใจผิด ช่วยตอบมาที
.
เรื่องแปลกจะแฉไม่หยุด หากทิศทางคดีไปในทางที่ไม่ชอบ เพื่อให้สังคมตระหนักว่า การต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม แค่เพียง “ต้นน้ำ” ยังยากลำบากถึงปานนี้
.
แล้วหากไปถึง “กลางน้ำ” (อัยการ) ยัน “ปลายน้ำ” (ศาล) จะเบาหวิวแค่ไหน?
.
ขอย้ำให้คดีนี้ไปถึงระดับ “อธิบดีอัยการ” ที่ประวัติขาวสะอาด ไม่เอาเทาๆ หารือว่าเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ หรือไม่?
.
เรื่องนี้เอาให้ชัด ไม่งั้นตำรวจไม่มีสิทธิ์ทำสำนวนก็ยกฟ้อง จึงต้องมีอัยการเข้าร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย เพราะถือว่าเป็น “คดีนอกราชอาณาจักร” เป็นอาญชกรรมข้ามชาติชัดๆ
.
นอกจากยานำเข้าจากจีนแล้ว คนเสพยังเป็นต่างด้าวจีน คนขายก็ต่างด้าวจีน จำนวนคนจีนเต็มร้าน ยังแผ่ไปถึงวีซ่ามั่วของจีนเทา นอมินีซื้อบ้านกันเอิกเกริกยกหมู่บ้าน รถหรู เงินสด ก็จีนอีก
.
แค่นี้ไม่พอที่จะยกระดับจาก อาชญากรรมธรรมดา เป็น “อาชญากรรมข้ามชาติ” อีกหรือ?
.
คนไทยได้แค่เสิร์ฟก็ยังไล่กลับบ้านนอก ไม่สอบเป็นพยาน แต่ใช้ผืนแผ่นดินไทยทำผิดกฎหมายทั้งหมดชัดเจน
.
และแทนที่จะเอาคนที่อยู่ในสถานที่วันเกิดเหตุ ทั้งฉี่ม่วง ทั้งฉี่ขาว รวม 220 คน จีนล้วน จับเป็นผู้ต้องหา
.
เอามือถือตรวจการโอนเงิน การนัดหมายจาก Wechat ที่จีนใช้ไปตรวจสอบ พาสปอร์ตก็ใช้วีซ่ามั่วจากการเรียนภาษา มูลนิธิผี ของไทย ตำรวจ ตม. อีกเหมือนกัน ไม่พลาด
.
กลับปล่อยไปจนเหลือติดคุกที่ ตม. อยู่แค่ 76 ราย ไม่รู้จะเอายังไง
.
พวกจีนถือโอกาสล้างข้อมูลมือถือกันหมดเรียบร้อย
.
ทำกันได้อย่างไร ช่วยตอบสังคมทีท่าน ผบ.ตร.
.
ที่วันนี้ท่านลุกขึ้นมาเป็น “ยักษ์ตื่น”
.
หากท่านเป็นคนดี ลงมาคุมคดีเองย่อมถือเป็นเรื่องดี เหมาะสมประดับไว้เป็นเกียรติประวัติผลงานท่าน
.
ไม่มีเรื่องที่ท่านจะต้องกลัว เพราะเป็นงานใหญ่คดีระดับชาติครั้งสุดท้ายก่อนพ้นชีวิตราชการครับ
.
ขณะนี้ วงดุริยางค์ตำรวจ บรรเลงเพลงประสานเสียงทำนองเดียวกันว่า
.
“ชูวิทย์เข้าใจผิด ชูวิทย์เข้าใจคลาดเคลื่อน ชูวิทย์ไม่รู้”
.
ตอบสังคมทีว่า “จับแพะคนไทย” มาทำไม?
.
ยุคนี้น่าจะเลิกได้แล้ว ยิ่งคดีใหญ่สังคมจับจ้องแบบนี้ยังเอา “แพะไทยมาบังช้างจีนทั้งตัว”