รมว.กระทรวงคมนาคม เผย ปี 65 เร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคม  รถ ราง เรือ อากาศ ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการการขนส่งที่ปลอดภัย ลดเวลาการเดินทาง และลดค่าครองชีพ 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า แม้ 2 ปีที่ผ่านมาไทยจะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 แต่ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมยังคงมีการพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
.
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2565 กระทรวงคมนาคมเน้นเดินหน้าพัฒนาทั้ง 4 มิติ ทั้ง ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ คู่ขนานกันไป ทั้งนี้เมื่อโครงการต่างๆทยอยแล้วเสร็จ คนไทยจะได้รับประโยชน์ทั้งความสะดวก ปลอดภัย ตรงเวลา และราคาสมเหตุสมผล รวมทั้งแก้ปัญหาการจราจรในเมืองใหญ่ และลดการปล่อยมลพิษ  อาทิ รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเดินทางของประชาชนช่วงรถติดได้ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง //รถไฟทางคู่ ช่วยเพิ่มความเร็วในการเดินทาง จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง //รถไฟความเร็วสูง ช่วยเพิ่มความเร็วในการเดินทาง จาก 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา จะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างภูมิภาคและต่างประเทศ  รองรับผู้โดยสารจาก80 ล้านคนต่อปี เป็น 120 ล้านคนต่อปี 
.
สำหรับประเทศไทยเองจะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม ปี2565 ทั้งทางบกทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ในวงเงินสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่ได้ลงนามสัญญาแล้ว 516,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ 974,000 ล้านบาท สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึง2.24 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 1.6 เท่าของเงินลงทุน และหากไม่มีกรณี โควิด-19 มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นอีกโดยประเมินว่า  GDP ในส่วนของระบบคมนาคมจะอยู่ร้อยละ 2.35