“ก้าวไกล”เดินหน้ายุทธการโรยเกลือต่อเนื่องหลังจบศึกซักฟอก จ่อยื่นปปช.ฟ้องหมู่เรียกค่าเสียหายรัฐบาล

“ก้าวไกล”เดินหน้ายุทธการโรยเกลือ

“ก้าวไกล”เดินหน้ายุทธการโรยเกลือต่อเนื่องหลังจบศึกซักฟอก จ่อยื่นปปช.ฟ้องหมู่เรียกค่าเสียหายรัฐบาล





ad1

วันที่ 23 ก.พ.65  นายนัฐวุฒิ บัวประทุม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล,นายรังสิมันต์ โรม,นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง,นายปดิพพัทธ์ สันติภาดา,นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แถลงข่าวยุทธการโรยเกลือภาคต่อภายหลังการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติมาตรา 152 จบลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าในการอภิปรายดังกล่าวมีเงื่อนไขอยู่ 2 ประการ 1.การซักถามข้อเท็จจริงถึงสถานการณ์การบริหารราชการแผ่นดิน และ 2.คือการเสนอแนะถึงการบริหารราชการแผ่นดินควรจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร โดยตลอดระยะเวลาระหว่างการเตรียมข้อมูลสองเดือนที่ผ่านมาพบว่ามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆมากกว่าการซักถามและการเสนอแนะดังนี้ 

1.ประเด็นการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน รวมถึงการอพยพชาวโรฮิงจา
.
2.กรณีที่รัฐบาลปกปิดข้อมูลการโรคระบาด อหิวาต์แอฟริกาในสุกร อันเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง นำไปสู่สินค้าราคาแพง ซึ่งจะมีการฟ้องแพ่งแบบหมู่ และตรวจสอบหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
.
3.สถานีรถไฟกลางบางซื่อ ที่เข้าข่ายการเอื้อประโยชน์และการทุจริต ซึ่งประเด็นนี่มีสำนวนคดีฟ้องอยู่ในศาล โดยจะยื่นไปยังคณะกรรมาธิการต่างๆในสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง
.
4.สถานการณ์น้ำมันดิบรั่วในท้องทะเลภาคตะวันออกทั้งหมด ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงทบวงกรม ทำให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ระยะยาว โดยพรรคก้าวไกลจะนำพี่น้องประชาชนฟ้องหมู่เรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชน

นายปดิพพัทธ์ สันติภาดา กล่าวว่าขณะนี้หลักฐานเกี่ยวกับโรคระบาด ASF สามารถร้องเรียนต่อสำนักงานปปช.ได้แล้ว ว่ามีการประพฤติทุจริต และปกปิดข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพี่น้องประชาชน โดยเรื่องนี้จะนำเข้าคณะกรรมาธิการปปช.ด้วยอีกทาง เพราะพบว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ตั้งขึ้นเรียกข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องยากขึ้น ขณะที่ข้อมูลจากภาคเอกชนและนักวิชาการไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องซักถามข้อเท็จจริงกับหน่วยงานราชการ ซึ่งอาจจะต้องฟ้องร้องกับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปสู่การฟ้องหมู่จากร้านค้าเขียงหมูและผู้ประกอบการฟาร์มสุกรรายย่อยอีกด้วย

ด้านนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ กล่าวถึงประเด็นรถไฟฟ้าสถานีกลางบางซื่อว่าเป็นเรื่องของการรถไฟที่ค้างชำระกับผู้รับเหมา ได้มีการยื่นเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีแต่เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าครม.นาน 3 ปี ต่อมาได้ใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนจนโดนผู้รับเหมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 7,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกและรมว.สาธารณสุขกับบริษัทเอกชนโดยตรง

ขณะที่นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ร่วมกับส.ส.เบญจา แสงจันทร์ จะฟ้องร้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการรั่วไหลของน้ำมันสู่ท้องทะเล โดยมีข้อมูลหลายอย่างที่สืบพบ เช่นข้อมูลของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษและรัฐมนตรีที่ชี้แจงในสภาซึ่งไม่ตรงกัน