"บิ๊กตู่" ตัดพ้ออยู่มานาน รู้ปัญหา แต่แก้ไขไม่ได้ เหตุบังคับใช้กฎมายไม่ได้ 100% ลั่นไม่โทษใคร ตั้งเป้าลดการตาย-เจ็บบนถนน 12 คน ต่อ ประชากร 1 แสนคน ภายใน ปี 2570 ชี้ตำรวจอย่าเอาแต่แก้ตัว

"บิ๊กตู่" ตัดพ้อ

"บิ๊กตู่" ตัดพ้ออยู่มานาน รู้ปัญหา แต่แก้ไขไม่ได้ เหตุบังคับใช้กฎมายไม่ได้ 100% ลั่นไม่โทษใคร ตั้งเป้าลดการตาย-เจ็บบนถนน 12 คน ต่อ ประชากร 1 แสนคน ภายใน ปี 2570 ชี้ตำรวจอย่าเอาแต่แก้ตัว





ad1

นายกรัฐมนตรี เปิดงานสัมมนาฯ ขับขี่ปลอดภัย ตัดพ้ออยู่มานาน รู้ปัญหา แต่แก้ไขไม่ได้ เหตุบังคับใช้กฎมายไม่ได้ 100% ลั่นไม่โทษใคร ตั้งเป้าลดการตาย-เจ็บบนถนน 12 คน ต่อ ประชากร 1 แสนคน ภายใน ปี 2570 ชี้ตำรวจอย่าเอาแต่แก้ตัว

พลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์​ บุญญามณี​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ​ เรื่องความปลอดภัยทางถนน​ "ทศวรรษใหม่​ วิถีใหม่ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน" พร้อมกล่าวปาฐกถา​ในหัวข้อ​ "บทบาทผู้นำประเทศ"

นายกรัฐ​มนตรี​ ระบุว่า​ การสัมมนาครั้งนี้เป็น ครั้งที่ 15 แล้วต้องทำให้ดีขึ้น นำไปพัฒนาปรับปรุงวิธีการทำงานความร่วมมือ มุ่งมั่นแก้ไขลดอุบัติเหตุให้ท้องถนนมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตใช้ถนนลดความสูญเสีย เพราะสถิติยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่าพอใจแม้ว่าจะลดลงก็ตาม​ แต่เป้าหมายในการลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนน 12 คน ต่อ100,000 คน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยาก ซึ่งจากรายงานสาเหตุของอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดมากที่สุดจากรถจักรยานยนต์ อย่างการใช้ความเร็ว​ ไม่สวมหมวกกันน็อก​ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร กฎหมายมีทุกตัวเจ้าหน้าที่รู้จับได้หมด แล้วจะเอาอย่างไรถ้าจะต้องการให้ดีให้100% เปอร์เซ็นต์ ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีให้นโยบายไปแล้วว่าให้มีการจับกุมทั้งหมดหากผิดกฎหมาย

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อุบัติเหตุสาเหตุครึ่งหนึ่งอยู่ที่คนขับ อีกเครื่องหนึ่งอยู่ที่ปัจจัยอื่น​ ทำอย่างไรจะแก้ครึ่งแรกให้ได้ ตนตำหนิประชาชนไม่ได้ ตนได้แต่เตือนได้แต่บอก​ เจ้าหน้าที่ก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง สิ่งใดก็ตามที่พูดมาทั้งหมด ตนคิดว่าไม่มีใครไม่เห็นด้วย ทั้งการใช้มาตรการและเข้มแข็ง สวมหมวกกันน็อก จับกุมดำเนินคดี​ ทั้งนี้ยอมรับว่าแรงกดดันกดทับมาจากหลายส่วน ขณะเดียวกันการตายก็สูงขึ้น ตายคนเดียวตนก็ยังยอมรับไม่ได้เลยทุกเรื่อง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรประชาชนจะเข้าใจ จะเห็นชอบมีส่วนร่วมด้วย ไม่ต้องเป็นภาระในการจับกุมติดคุกเสียค่าปรับ ไม่มีใครอยากทำ แต่เมื่อต้องการให้ปลอดภัยก็ต้องทำ แต่ทำแค่ไหนอย่างไรก็ต้องสร้างความเข้าใจกันออกไป

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาการจราจร โดยในต่างประเทศสร้างวงเวียนเพื่อลดปัญหาการจราจรหนาแน่น แต่ในประเทศไทยรื้อวงเวียนเพราะรถติด หากทำได้ก็โอเคก็ดี เพราะฉะนั้นปัญหาหนึ่งที่จะตามไปสู่อีกปัญหาหนึ่งเสมอ เหลืออีกหลายปัญหาเสมอ เพราะฉะนั้นคิดทางเดียวแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดียวเป็นไปไม่ได้ บริบทของประเทศไทย อยู่ที่พวกเราว่าจะขับเคลื่อนกันได้อย่างไร เพราะเราก็ต้องดูแลประชาชน ให้มีความสุขความพึงพอใจ

นายกรัฐมนตรี ยังบอกว่าการที่ตนมาพูดวันนี้ไม่ได้เป็นการตำหนิใคร แต่ต้องการเล่าให้ฟังว่าตนอยู่กับปัญหาอะไรมาบ้าง และพยายามจะแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง ติดปัญหาอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นต้องคิดแบบตนคิดด้วย เพราะฉะนั้นเรารู้เราอยู่กันมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนก็อยู่มานานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นตนแน่นอนตนรู้ปัญหา วิธีการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ทำได้แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะความร่วมมือยังไม่เกิด นี่คือปัญหาเช่นเดียวกับทุกปัญหา ของประเทศไทย ซึ่งต้องกลับมาโทษที่ตัวเองว่าผมทำไม่ได้ ผมไปโทษใครไม่ได้อยู่แล้ว ก็ต้องทำต่อไป สิ่งที่ตนพูดในทุกวันนี้คืออยากให้ทุกคนคิด ในบริบทที่กว้างกว่าเดิม หากพอยท์ไว้ 1 2 3 4 5 ก็จะกลับมาเหมือนเดิม แก้แบบเดิม อันไหนที่เป็นหลักก็ยืนไว้แต่ต้องหาปัญหาปลีกย่อย อย่างที่ตนว่าว่าจะแก้อย่างไรแก้ที่ใครแก้ตรงไหน มาตรการยึดรถชั่วคราวก็ไม่ผ่าน​ ไม่ต่อทะเบียน เป็นการชั่วคราวก็ไม่ให้ แล้วจะอะไรที่ท่านจะให้บังคับ ทำได้แค่นี้ เพราะกฎหมายคือกฎหมาย หลายคนก็นั่งในสภาอยู่ในที่นี้ก็มี ช่วยกรุณาฝากไปดูด้วย

นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ทุกคนนั้นยอมรับกติกา สร้างการรับรู้เรียนรู้ไม่ได้อยู่ด้วยความเกลียดชัง อยู่ด้วยความเข้าใจว่าจะอยู่ร่วมกันด้วยความสันติได้อย่างไร อยู่ภายใต้กฎหมายระเบียบ การจัดระเบียบทางสังคม พร้อมกับย้ำว่าต้องหาวิธีการร่วมมือกันให้ได้ ไม่ใช่ติคนนั่นคนนู้นตินี่ติ ทำไม่ได้แน่นอน เป็นความรับผิดชอบของทุกคน นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบทุกเรื่อง เพราะมันเป็นหน้าที่ หาวิธีการทำให้ได้ ค่อยๆเดินบางอย่างเดินช้า บางอย่างเดินเร็ว ถ้าไม่อยากเดินช้าก็เร่งเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อยนึง ตำรวจที่อยู่ในคณะทำงานต้องพูดให้หมด ข้อมูลอยู่ที่ไหนไม่ใช่แก้ตัว เอาข้อเท็จจริงแถลงออกมาในห้องประชุมให้รู้เรื่อง ว่าต้องแก้ตรงไหนอย่างไร พร้อมกับย้ำว่าทุกอย่างอยู่ที่จิตสำนึกถึงคนอื่น ก่อนที่จะทุบที่อกข้างซ้าย 3 ครั้ง.