สหกรณ์ออมทรัพย์โคราชเมินเข้าร่วมโคงการแก้หนีครูรัฐบาลยันทำมาก่อนแล้ว

สหกรณ์ออมทรัพย์โคราชเมินเข้าร่วมโคงการแก้หนีครูรัฐบาลยันทำมาก่อนแล้ว





ad1

นครราชสีมา –สหกรณ์ออมทรัพย์โคราชปฏิเสธไม่เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของรัฐบาล ยันทำมาก่อนแล้ว พร้อมเดินหน้าโคราชโมเดล 3

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้โพสต์ผ่านเพจ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Cha-o-cha” ย้ำความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี ผลักดันให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือนให้สำเร็จ โดยเฉพาะหนี้ของข้าราชการครูและตำรวจว่า จากที่ดูในนโยบายแก้หนี้สินครูของนายกรัฐมนตรี เช่น การยุบยอดหนี้โดยใช้ทรัพย์สินและรายได้ในอนาคตของครู การปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลงเหลือไม่เกิน 5% เพื่อให้สอดคล้องกับสินเชื่อหักเงินเดือนข้าราชการที่มีความเสี่ยงต่ำ การปรับลดค่าธรรมเนียมทำประกันชีวิตและการค้ำประกันโดยบุคคลที่ไม่จำเป็น การยกระดับระบบการตัดเงินเดือนของข้าราชการให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากขึ้น เป็นต้น

นายสมศักดิ์ จักรสาน ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ถือว่าเป็นสหกรณ์ที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่กว่า 28,000 ราย มีเงินฝากกว่า 7,600 ล้านบาท ซึ่งการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูนั้น ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ได้ดำเนินการมาแล้วถึง 2 เฟส ตั้งแต่โคราชโมเดล 1 ซึ่งได้ช่วยเหลือสมาชิกที่มีปัญหากับสถาบันการเงิน จนจะถูกฟ้องล้มละลาย ทางสหกรณ์ฯ จึงได้ร่วมมือกับธนาคารออมสิน ที่ให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แล้วสหกรณ์ฯ นำมาปล่อยกู้ให้กับครูเหล่านั้น ในอัตราร้อยละ 4.95 ซึ่งครั้งนั้นช่วยได้ไม่มากนัก เพราะครูส่วนใหญ่ที่มาเข้าร่วมโครงการ เป็นหนี้ธนาคารเกิน 3 ล้านบาท เป็นหนี้สหกรณ์ครูฯ เกิน 3 ล้านบาท จึงเกินกว่าอัตราหนี้ที่จะช่วยเหลือได้ จึงสามารถช่วยเหลือได้เพียง 29 ราย เป็นเงินกว่า 80 ล้านบาท แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะในจำนวน 29 ราย สามารถชำระหนี้จนออกจากโครงการมาเป็นสมาชิกปกติ 4 ราย มีเงินเดือนเหลือเพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนที่เหลือก็กำลังทยอยใช้หนี้ต่อเนื่อง

ต่อมาสหกรณ์ฯ ก็ได้ดำเนินการโคราชโมเดล 2 ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา โดยร่วมกับธนาคารออมสินเช่นเดิม ซึ่งธนาคารออมสินได้ให้อัตราดอกเบี้ยมาร้อยละ 2.06 สหกรณ์ฯ นำมาปล่อยให้กับสมาชิกในอัตราร้อยละ 4.5 ซึ่งธนาคารออมสินก็ได้ส่งรายชื่อครูที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารและตรวจสอบแล้วว่าเป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯ โดยสหกรณ์ก็จะนำมาคำณวนหลักประกันคุ้มหนี้เมื่ออายุ 80 ปี เพื่อไม่ให้คนค้ำประกันเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้ช่วยเหลือครูได้แล้วกว่า 100 ราย ใช้เงินของธนาคารออมสินไปประมาณ 280 ล้านบาท โดยทางธนาคารออมสินยังได้ปรับลดค่าธรรมเนียมค้างจ่าย และดอกเบี้ยต่างๆ รวมเป็นเงินกว่า 21 ล้านบาทด้วย ส่งผลให้ครูที่เข้าร่วมโครงการมีเงินเดือนเหลือเพิ่มขึ้นมา 10,000 – 20,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเดิมทีโครงการโคราชโมเดล 2 สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.64 แต่ทางสหกรณ์ฯ ขอธนาคารออมสินให้ขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งทางธนาคารออมสินก็อนุมัติมาแล้ว

และขณะนี้ทางสหกรณ์ฯ ก็กำลังจะเริ่มดำเนินการโคราชโมเดล 3 ซึ่งจะทำร่วมกับ สกสค. โดยทาง สกสค.จะนำเงิน ช.พ.ค. มาเป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งจะช่วยข้าราชการบำนาญได้ เพราะข้าราชการมีเงินเดือนคงที่ แต่ถ้าได้เงิน ช.พ.ค.มาค้ำประกันด้วย ก็จะทำให้มีเงินเดือนเหลือเพิ่มขึ้นได้

ดังนั้นการที่รัฐบาลได้ออกมาประกาศจะดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างจริงจังในปีนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้เชิญสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ให้เข้าร่วมด้วย แต่ตนเองก็ได้แจ้งไปยังนายทอง วิริยะจารุ ซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด และเป็นคณะอนุกรรมาธิการการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าทางสหกรณ์ฯ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูมาก่อน และมาไกลกว่าของรัฐบาลแล้ว เพราะรัฐบาลยังไม่ได้เริ่มเลย ดังนั้นจึงได้ตอบปฏิเสธไปว่าจะไม่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล แต่จะดำเนินการต่อตามแผนโคราชโมเดล 3 เลย

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ก็อยากแนะนำรัฐบาลว่า อาจจะไม่ต้องใช้ระบบของสหกรณ์ก็ได้ เพียงแต่ให้สถาบันการเงินลดอัตราดอกเบี้ยให้ข้าราชการครูลง ครูก็สามารถอยู่ได้ แต่ข้าราชการครูเมื่อมีเงินเหลือแล้วก็ขอให้มีวินัยทางการเงิน อย่าไปสร้างหนี้สินเพิ่มอีก เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาหนี้สินก็จะวกกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกไม่สิ้นสุด.