แม่ร้องทุกข์ลูกสาวใกล้คลอดป่วยโควิดถูกรพ.ปล่อยให้เด็กตายในท้อง (มีคลิป)

แม่ร้องทุกข์ลูกสาวใกล้คลอดป่วยโควิดถูกรพ.ปล่อยให้เด็กตายในท้อง (มีคลิป)





ad1

ปราจีนบุรี-แม่สุดทนร้องสื่อ ลูกสาวท้องใกล้คลอดติดโควิด ถูกส่ง เข้ากักตัวใน รพ.สนาม เกิดภาวะลูกไม่ดิ้น   แจ้งเจ้าหน้าที่บอกเป็นเรื่องปกติสุดท้ายถูกส่งต่อ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร  จนต้องเสียลูกในที่สุด หมอยืนยันเด็กตายมาแล้วหลายวัน


 
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวจ.ปราจีนบุรีได้รับการร้องทุกข์ชาวบ้าน   จาก นางพุฒชง  สร้อยโท อยู่บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ 5 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ว่าบุตรสาว ภัทราพร หรือนุ่ม  มูลมุข อายุ 25 ปี ป่วยเป็นโควิด-19ในขณะตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน ถูกนำตัวส่งจาก รพ.กบินทร์บุรี หลังเข้ารับการตรวจเนื่องจากมีไข้สูงลูกสาวขอพักรอที่ รพ.กบินทร์บุรี แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่าห้องเต็มให้กลับมาพักรอดูอาการที่บ้าน ต่อมาเช้าวันรุ่งขึ้นทางเจ้าหน้าที่ อนามัยบ่อทองมารับตัวไปพักคอยที่ รพ.สนามกบินทร์บุรีประชารักษ์ ใน สถาบันการศึกษา ฯ ใน ต.บ่อทอง หลังจากผ่านมาสองคืน ลูกสาวบอกกับเจ้าหน้าที่ประจำ รพ.สนาม ว่า ลูกในท้องไม่ดิ้นและมีน้ำไหลออกมา ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าปกติ    และไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆจะขอกลับก็ไม่ได้ จึงต้องทนอยู่จนครบกำหนดการกักตัว 5 วัน จึงมาพบแพทย์ที่ รพ.กบินทร์บุรี เพื่อตรวจครรภ์ แพทย์บอกว่า หัวใจเด็กในครรภ์เต้นช้าหรืออ่อนมาก ก่อนรีบนำส่งต่อ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี

หลังการตรวจแพทย์จาก รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกเด็กน่าจะเสียชีวิตมาแล้วหลายวัน ผิวเริ่มหลุดเพราะเปื่อยหากมาช้าอีกสองวันแม่อาจเป็นอันตราย จึงรีบดำเนินการฉีดยาเร่งให้เด็กออกซึ่งนับว่าโชคดีที่เด็กออกมาได้โดยที่แม่ไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อีกระยะหนึ่ง

นางพุฒชง เปิดเผยต่ออีกด้วยว่า หลังลูกสาวโทรมาบอกตนรู้สึกตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะต้องสูญเสียหลานสาวคนแรกที่ทุกคนรอคอยที่จะได้เห็นหน้าในอีกไม่กี่วันถึงกับได้มีการตั้งชื่อไว้แล้วว่า น้องเมลิษา เพราะทางแพทย์ได้กำหนดเวลาทำคลอดไว้แล้วแม่มาติดโควิดแต่ไร้การดูแลจากแพทย์ประจำ รพ.สนาม ถามอะไรก็บอกแต่ว่าไม่เป็นอะไร เป็นเรื่องปกติ ซึ่งตนเองไม่มีความรู้เถียงไม่ได้เพราะเราไม่ได้เรียนมาทางนี้เค้าว่าอะไรก็ต้องเชื่อ  เช่นเดียวกับตาบอกว่า ไม่เชื่อหมอแล้วจะไปเชื่อหมาที่ไหน 

พร้อมกับนำภาพหลานสาวที่ถ่ายไว้มาให้ดู  นางพุฒชง ยังบอกด้วยว่า ทาง รพ.กบินทร์บุรี ยังห้ามมิให้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกผู้สื่อข่าวเพราะทาง รพ.กบินทร์บุรี พร้อมรับผิดชอบทุกอย่างรวมทั้งค่ารักษาพยาบาลและเงินค่าเสียหายซึ่งหมายถึงเงินค่าเยียวยาที่ต้องสูญเสียหลานสาวไป

ขณะที่ผู้สื่อข่าวพูดคุยอยู่กับ นางพุฒชง แม่ของผู้เสียหาย นางสาว ภัทราพร หรือนุ่ม มูลมุข ได้วีดีโอคอลมาพูดคุยเล่าเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่จาก รพ.กบินทร์บุรี นำกระเช้ามาเยี่ยมและขอร้องไม่ให้บอกเรื่องทั้งหมดกับสื่อมวลชนเพราะขณะนี้ทาง รพ.กบินทร์บุรี ยินดีช่วยเหลือ ทั้งย้ำว่าว่า เรื่องนี้ยังไม่มีใครผิดใครถูก ทาง รพ.กบินทร์บุรี พร้อมให้การรับผิดชอบเยียวยาหลังออกจาก โรงพยาบาลแล้วมาคุยกันมาเซ็นต์เอกสารที่จำเป็น ซึ่งทาง รพ.กบินทร์บุรี ได้เตรียมไว้ให้แล้ว นางสาวภัทราพร บอกว่าจำเป็นต้องบอกสื่อเพราะตนเองไม่มีหลักฐานใดๆไม่มีหลักประกันอะไร จึงต้องพึ่งสื่อมวลชน ทางฝ่าย รพ. กบินทร์บุรี ก็ยังพยายามขอให้ปิดข่าวกับสื่อทุกช่องทางเพราะทาง โรงพยาบาลให้การรับผิดชอบแล้วจึงไม่มีความจำเป็นให้สื่อเข้ามาเกี่ยว     จนกว่าจะมีการเยี่ยวยาค่อยเชิญสื่อมาร่วมเป็นพยาน

นางพุฒชง กล่าวทิ้งท้ายว่า เน่าองเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยแต่ชาวบ้านคงไม่มีปัญญาไปเรียกร้องกับใครก็เลยเงียบไปหมด การที่จะต้องออกมาพึ่งสื่อก็เพื่ออยากให้ทางผู้ใหญ่เข้ามาดูแลและปรับปรุงเร่าองการดูแลผู้เจ็บป่วยมากกว่านี้ อย่ารอต้องให้เกิดการสูญเสียแล้วค่อยมาแก้แบบนี้และอยากให้ทางสปสช.เขต6ได้สอดส่องด้วย

มานิตย์  สนับบุญ/ปราจีนบุรี  รายงาน