ชลประทานเดินหน้าเร่งงานก่อสร้าง ปตร.วังจิกกักเก็บน้ำในแม่น้ำยมเชื่อมั่นแล้วเสร็จตามแผน

ชลประทานเดินหน้าเร่งงานก่อสร้าง ปตร.วังจิกกักเก็บน้ำในแม่น้ำยมเชื่อมั่นแล้วเสร็จตามแผน





ad1

พิจิตร-ชลประทานเดินหน้าเร่งงานก่อสร้าง ปตร.วังจิกกักเก็บน้ำในแม่น้ำยมเชื่อมั่นแล้วเสร็จตามแผน

 
เมื่อวันที่  29 เมษายน 2565  นายสัญญา  สุริวรรณ  ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 3  มอบหมายให้ นายประวิทย์  เปรมศรี  หัวหน้าฝ่ายก่อสร้างที่ 3 , นายอนันต์   รัตนะ  ช่างก่อสร้างชลประทานที่ 3 นำพา นายวัชรินทร์ แทนจำรัส  เลขาฯ ส.ส.นราพัฒน์ แก้วทอง  สส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือ พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อดูความก้าวหน้าของ โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำบ้านวังจิกตำบลวังจิก   อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร อาคารบังคับน้ำตัวที่ 3 สามารถทดน้ำในแม่น้ำยมได้ประมาณ 28 กิโลเมตร  สามารถกักเก็บน้ำในแม่น้ำยมได้ประมาณ 4.1 ล้าน ลบ.ม. ลำน้ำสาขาและหนองบึงบริเวณฝั่งขวาแม่น้ำยมได้ประมาณ 2.07 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งสิ้นประมาณ 6.17 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 37,397  ไร่ งบประมาณการก่อสร้าง 231.4 ล้านบาท

 
ซึ่งก่อนหน้านี้การก่อสร้าง ปตร.วังจิก ประสบปัญหาจากสถานการณ์โควิด และการงด-ลดค่าปรับ เนื่องจากการส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เป็นเหตุให้ผู้รับจ้างไม่สามารถเบิกเงินค่าจ้างที่ขอรับได้ ต่อมาผู้บริหารของกรมชลประทานได้หาทางแก้ไข โดยปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขทำให้ผู้รับจ้างมีความพร้อม อีกทั้งปัญหาของแรงงานและช่างก่อสร้างก็มีภูมิคุ้มกันโควิดจึงทำให้ขณะนี้วัสดุอุปกรณ์-เครื่องจักร และคนงานกว่า 40 คน ต่างช่วยกันระดมกันเร่งงานก่อสร้างที่มีแผนเร่งรัดการปฏิบัติงานที่ชัดเจนในแต่ละสัปดาห์ว่าในรอบ 1 งวดงาน (30วัน) นั้นจะทำอะไร จะสร้างอะไรซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผน โดยล่าสุดขณะนี้การก่อสร้าง ปตร.วังจิก งานคืบหน้าไปแล้วกว่า 50% และคาดว่าภายในเดือนสิงหาคม 2565 งานก่อสร้างจะคืบหน้าได้ถึง 85%

 
สำหรับการก่อสร้างที่กำลังดำเนินการอยู่ในช่วงนี้เป็นการเทคอนกรีตพื้นปตร.ฝั่งซ้ายและพื้น ปตร.ด้านหน้า โดยมีการวางแผนงานการเทคอนกรีตให้ได้ปริมาณ 2,200 ลบ.ม. ต่อ 1 งวดงาน (30 วัน) ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการก่อสร้าง ปตร.วังจิก จะแล้วเสร็จลุล่วงตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งเมื่อ ปตร.วังจิกแห่งนี้สร้างแล้วเสร็จจะสามารถทำให้พื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 37,397 ไร่  ที่ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี , ตำบลรังนก ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม และตำบลวังจิก ตำบลไผ่รอบ  ตำบลโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร  ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ดังกล่าว

สิทธิพจน์  เกบุ้ย ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิจิตร