เปิดใจลูกชายพาแม่วัย 80 ปีพ้นสำนักฤาษีที่อ้างตัวเป็นพระบิดาทุกศาสนา (ชมคลิป)

เปิดใจลูกชายพาแม่วัย 80 ปีพ้นสำนักฤาษีที่อ้างตัวเป็นพระบิดาทุกศาสนา (ชมคลิป)





ad1

จากกรณีที่ นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ  นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจ   บุกเข้าตรวจสอบ สำนักฤๅษีประหลาดตั้งอยู่ในที่สาธารณะหมู่บ้าน กุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เปิดรับรักษาโรคทุกชนิดโดยการรักษาให้ผู้ป่วยกิน ปัสสาวะ กินอุจจาระ กินเสมหะและขี้ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับ 100 โอ่งมังกรให้กินเป็นยารักษาโรคต่างๆ ให้กับคนไข้ที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศเข้ามาทำการรักษาอยู่ในสำนักดังกล่าว จากการเข้าตรวจสอบภายในสำนักฯ เจอร่างผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย บรรจุอยู่ในโลงศพ 

โดยมีการอ้างว่า รอการขึ้นสวรรค์ ขณะที่ทางลูกศิษย์แจ้งว่าไม่สามารถนำใบยืนยันการเสียชีวิตมาให้ดูได้จำนวน 5 ศพ และยังพบชายสูงอายุ ผมยาว หงอกขาว ทราบชื่อภายหลัง นายทวี หนันลา อายุ 75 ปี ชาว ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าสำนักฯ เบื้องต้นทางตำรวจได้เชิญตัวชายสูงอายุ ออกจากสำนัก ท่ามกลางเสียงร้องตะโกน ต่อต้าน ของลูกศิษย์ที่ส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องของชายรายดังกล่าว ที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวนายทวีฯ เจ้าสำนักฯ ออกไป ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 97 ม.10 บ้านทรายทอง ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น  ซึ่งเป็นบ้านของ นางน้อย แดนคำสาร อายุ 80 ปี  หนึ่งในลูกศิษย์ของฤาษีทวี  ที่อ้างว่าเป็นพระบิดาทุกศาสนา   โดยได้พบกับนายชัย แดนคำสาร อายุ 52 ปี ลูกชายของนางน้อย กำลังนั่งดูข่าวแม่ตัวเองที่ได้พาออกมาจากสำนักฤาษีดังกล่าว

นายชัย กล่าวว่า  เมื่อช่วงประมาณปลายปี 2563 จนถึงปี 2564 แม่ไปเยี่ยมหลานชาย ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายที่อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ  จึงทราบว่า หลานชายและพ่อตา แม่ยายนั้น เป็นลูกศิษย์ของพระบิดาที่สำนักปฏิบัติธรรมมาหลายปีแล้ว  หลานชายจึงชวนแม่เข้าไปเยี่ยมชมที่สำนักปฏิบัติธรรม เมื่อแม่เข้าไปชมแล้วก็กลับมาเล่าให้ลูกๆฟังว่า ไปเจอพ่อของพระเยซูมา จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาอยากไปปฏิบัติธรรมที่สำนักดังกล่าว

"เดิมทีแม่น้อยนับถือศาสนาคริสต์ เมื่อไปที่สำนักปฏิบัติธรรมประหลาดมาก็เริ่มมีความอยากไปบ่อยขึ้น เหมือนกับเกิดความเลื่อมใสไปแล้ว ช่วงแรกๆไปพักที่สำนักปฏิบัติธรรมประหลาดคราวละ 7-10 วัน ระยะหลังๆไปอยู่นานเป็นเดือน เมื่อแม่น้อยกลับมาที่บ้าน จะเห็นคราบขี้โคลนติดตามร่างกาย และมีตุ่มพุพองขึ้นตามแขนขา ทำให้ลูกๆก็ไม่อยากให้ไปอีก  แต่สุดท้ายลูกก็ต้องยอม เพราะมันคือความสุขของแม่  โดยล่าสุดแม่น้อยอยากกลับไปอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมอีก พี่สาวหรือ น.ส.เจนจิรา สุวรรณ  จึงตัดสินใจขับรถไปส่ง พร้อมทั้งสังเกตุความเป็นอยู่ในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรม ก็พบว่ามีแต่ความสกปรก  ไม่มีการถือศีลหรือปฏิบัติธรรมแต่อย่างใด  จึงชวนแม่น้อยกลับบ้าน แต่แม่น้อยไม่ยอมกลับยืนยันจะอยู่ต่อ  พี่สาวจึงกลับมาปรึกษาพี่น้องและร้องขอความช่วยเหลือจากหมอปลา  เพื่อช่วยเหลือพาตัวแม่ออกมาจนเป็นข่าวดังกล่าว"

นายชัย กล่าวต่ออีกว่า กรณีการกินอุจจาระ กินปัสสาวะ น้ำลาย เสมหะ หรือขี้ไคลของชายที่อ้างว่าเป็นพระบิดา เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บนั้น จากการพูดคุยกับแม่น้อย ทราบว่าแม่น้อยเคยกินแต่น้ำลาย เสมหะ ส่วนเรื่องการเก็บศพคนตายเอาน้ำเหลืองมาปรุงเป็นสมุนไพร รักษาโรคนั้น ไม่เคยได้ยินแม่น้อยพูดถึง แม่น้อยพูดเพียงว่า ในสำนักปฏิบัติธรรมนั้น มีการเก็บศพคนตายเอาไว้  แต่ทุกคนที่เป็นลูกศิษย์ที่เข้าไปอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรม ไม่มีใครที่ไม่เชื่อถือ หรือไม่เลื่อมใสพระบิดา ทุกคนเคารพนับถือทั้งหมด  เพราะไม่มีการเรียกเก็บเงินหรือให้บริจาคเงินทองของใช้แต่อย่างใด เพียงแค่ช่วยกัน ทำน้ำพริก ทำขนมคบเคี้ยว ทำข้าวเกรียบส่งขาย ก็มีเงินซื้ออาหารกินครบ 3 มื้อ

" หลังจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเข้าตรวจค้นและช่วยเหลือแม่น้อยออกมาได้และควบคุมตัวพระบิดาไปสอบสวน ลูกๆก็รู้สึกโล่งใจ และไม่ให้แม่น้อยดูข่าวที่เกิดขึ้นในสำนักปฏิบัติธรรม  เพราะดูออกว่าแม่ยังมีความห่วงใยในสำนักปฏิบัติธรรมและเชื่อว่ายังอยากจะไปอีก จึงบอกแม่ไปว่า เจ้าหน้าที่บุกทลายหมดแล้ว ไม่มีพระบิดา ไม่มีสำนักปฏิบัติธรรมแล้ว  และให้แม่น้อยนอนพักผ่อน โดยลูกหลานญาติพี่น้องช่วยกันดูแล แม่น้อยเป็นอย่างดี"