วช. – มธ.​เสวนา “ความหวังทุเรียน​ไทย​ ผ่านการวิจัยและนวัตกรรม”สู่การค้าโลก

วช. – มธ.​เสวนา “ความหวังทุเรียน​ไทย​ ผ่านการวิจัยและนวัตกรรม”สู่การค้าโลก





ad1

วช. ผนึกกำลังร่วมกับ มธ.​ เปิดงาน​เสวนา “ความหวังทุเรียน​ไทย​ ผ่านการวิจัยและนวัตกรรม” หวังพัฒนา​ให้ทุเรียนไทย​ไปไกลสู่ตลาดทุเรียนโลก

วันนี้ (วันที่ 21 พฤษภาคม 2565) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา​ วิทยาศาสตร์​ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดการเสวนาวิชาการ​ เรื่อง “ความหวังทุเรียนไทย ผ่านการวิจัยและนวัตกรรม”  โดย  ดร.วิภารัตน์  ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ  และนายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี  พร้อมด้วย ศ.ดร.ทพญ.ศิริวรรณ สืบนุการณ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ เป็นประธานเปิดงาน และเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานวิจัย

รศ.ดร.วรภัทร วชิรยากรณ์ ผู้บริหารจัดการโครงการวิจัย กล่าวรายงาน พร้อมด้วย​ ผศ.ดร.สุมิตร คุณเจตน์ ผอ.กองส่งเสริมการอารักขาพืชฯ กรมส่งเสริมการเกษตร​ นางปัทมา นามวงษ์ เกษตรจังหวัดจันทบุรี​ นายกสมาคมทุเรียนไทย นายกสมาคมผู้ส่งออกทุเรียนไทย เครือข่ายเกษตรกร และสื่อมวลชน ให้เกียรติเข้าร่วมงานเสวนาฯ ณ โรงแรมมณีจันทร์รีสอร์ท ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยการจัดเสวนาวิชาการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาเกษตรกรไทยสู่ smart farmer (กรณีศึกษาการพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเพื่อการส่งออก)” ซึ่งมี รศ.ดร.วรภัทร วชิรยากรณ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้บริหารจัดการโครงการวิจัย

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช.  เป็นหน่วยงานภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  มีภารกิจหลักในการให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมแก่นักวิจัย หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ในประเด็นสำคัญของประเทศ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ รวมทั้งสหสาขาวิชาการ โดยมุ่งเน้นผลงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และแก้ไขปัญหาได้จริงอย่างทันท่วงที ทั้งเชิงวิชาการ เชิงเศรษฐกิจ เชิงสังคมชุมชน และเชิงนโยบาย เพื่อใช้เป็นกลไกในการพัฒนาและแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สำคัญของประเทศ การพัฒนาด้านการเกษตรโดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจหลักของ จังหวัดจันทบุรี และของประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเราประสบปัญหาภาวการณ์แข่งขันที่มีข้อกำหนดและเงื่อนไขทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงการควบคุมสินค้าให้มีคุณภาพ ดังนั้น แนวทางที่จะพัฒนาภาคเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียน จึงต้องพัฒนาทั้งระบบด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายบูรณาการทำงานร่วมกันทั้งภาควิชาการ หน่วยงานภาครัฐ จังหวัด เกษตรกร ภาคเอกชน ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เน้นการผลิตที่สอดคล้องกับตลาดโดยยึดหลักตลาดนำการผลิต สร้างความมั่นคงของตลาดในประเทศและขยายตลาดต่างประเทศที่เป็นตลาดคุณภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญคือการวิจัย พัฒนา

ตลอดจนการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมการจัดการสมัยใหม่ ในการบริหารจัดการสวนทุเรียน การจัดการผลผลิต การเพิ่มคุณภาพการส่งออก เพื่อเป็นตัวหนุนเสริมให้การทำการเกษตรมีคุณภาพสูง รวมถึงการจัดการองค์ความรู้ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรสามารถเข้าถึงนำองค์ความรู้และนวัตกรรมไปใช้ในการบริหารจัดการให้ได้ผลผลิต​ที่มีคุณภาพนับเป็นช่องทางในการผลักดันการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง การจัดประชุมเสวนาเชิงวิชาการในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเน้นย้ำความร่วมมือของทุกฝ่ายบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาคุณภาพของทุเรียนที่เป็นสินค้าเกษตรให้เป็นที่เชื่อมั่นของผู้บริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่มุ่งมั่นความร่วมมือของทุกฝ่าย ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ วช. ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนผ่านความร่วมมือจากทีมนักวิจัย ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานอื่น ๆ​ ที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญต่องานวิจัย และนวัตกรรม พร้อมร่วมผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การพัฒนาเกษตรกร โดยผสานความรู้ร่วมผนึกกำลังเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนจังหวัดจันทบุรี สู่การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในพื้นที่ และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ วช. หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน และเป็นต้นแบบการทำงานวิจัยแบบบูรณาการให้กับนักวิจัย  เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร​ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า จังหวัด​จันทบุรี​ มีลักษณะภูมิประเทศ ป่าไม้ ภูเขา และเนินเขาสูง มีแหล่งท่องเที่ยว​ที่สำคั​ญของประเทศ​ร่วมทั้งยังมีอัญมณี​ที่สำคั​ญที่เหมาะแก่การศึกษา​และทำการวิจัยในอนาคต​ และมีผลไม้ที่ขึ้นชื่อหลากหลาย​ชนิด​ เช่น​ เงาะ​ มังคุด​ และพืชเศรษฐกิจ​หลักอย่างทุเรียนเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อ​ของจังหวัดจันทบุรีนับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่เกษตรกรนิยมปลูกทุเรียนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ.​2565​ งานวิจัยในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มปริมาณผลผลิตและสร้างรายได้ให้กลุ่มชาวเกษตรกร​ผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่สู่การพัฒนาเกษตรกรไทยสู่เกษตรกร​ smart farmer​ ได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

ด้านรศ. ดร.วรภัทร วชิรยากรณ์ ผู้บริหารจัดการโครงการวิจัย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการจัดสรรทุนการวิจัยโครงการวิจัย จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ การพัฒนาเกษตรกรไทยสู่ smart farmer (กรณีศึกษาการพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน เพื่อการส่งออก) ภายใต้กรอบการวิจัยหลักการเพิ่มผลผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี พัฒนางานวิจัยต่อยอดเป็น knowledge platform ที่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ในการเพิ่มคุณภาพการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน ลดต้นทุนการผลิต และลดการใช้แรงงานด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ เชิงบูรณาการ รองรับมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี มุ่งเน้นทำให้เกษตรกรเข้าถึงองค์ความรู้ และแก้ไขปัญหาการผลิต เพื่อให้เกษตรกรพัฒนาผลผลิตที่มีคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลบนมาตรฐาน GAP

ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี smart farmer เข้ามามีส่วนช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านระบบปฏิบัติทางการเกษตร Good agricultural Practice: GAP ที่ให้เกษตรกรสามารถกรอกข้อมูลผ่านการพูดผ่าน application ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ application ดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในการประเมินสถานะของแปลงปลูกพืชในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงการประเมินการใช้สารเคมีเกษตร ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และการปรับฮอร์โมนให้เหมาะสมกับพืชที่ผลิต พร้อมทั้งระบบตรวจติดตามสภาพแปลงปลูกพืชแบบ real-time และนวัตกรรม Basin fertigation model เพื่อเพิ่มผลผลิตให้ทุเรียนมีคุณภาพสูง (premium grade) ระบบ GIS-smart farming-iOT นวัตกรรมการจัดการโรครากเน่าโคนเน่า (Phytophthora sp) ทดสอบโรคหลังการเก็บเกี่ยว และนวัตกรรมการส่งออกทุเรียน​ผลสด​ ภายใต้อุณหภูมิต่ำด้วยนวัตกรรมภาชนะเก็บกลิ่นทุเรียนแกะเนื้อสดเพื่อการส่งออก ด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนทั่วทุกภูมิภาคและผู้ประกอบการส่งออกของไทยในระดับประเทศให้มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อยอดสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ภายในงานมีการจัดนิทรรศการ​และการนำเสนอผลงานนวัตกรรมการวิจัยโดยนักวิจัยร่วมเสวนากับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่​ ที่ได้นำนวัตกรรมไปทดลองใช้งาน รวมทั้งผู้เข้าร่วมสัมมนา ณ สถานที่จัดงาน และ online ผ่านระบบ zoom meeting ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มที่จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคและการส่งออกแบบครบวงจรเป็นการส่งเสริมและขับเคลื่อนการพัฒนา​เศรษฐกิจของประเทศอย่าง​ยั่งยืน​ต่อไป