“โกทร” ยืนยันซื้อขายที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย รุกป่าเราไม่เอาแน่นอน

“โกทร” ยืนยันซื้อขายที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย รุกป่าเราไม่เอาแน่นอน





ad1

ปราจีนบุรี–“โกทร” ยืนยันซื้อขายที่ดินด้วยความสุจริตใจ ถูกต้องตามกฎหมาย ขอรับรองว่า เข้าเขตอุทยานฯ -ป่าสงวนสาธารณะ เราไม่เอาแน่นอน

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ 23 มิ.ย.65  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานความคืบหน้า  กรณี นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี บิดาของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ หนึ่งผู้ถูกกล่าวหาในคดีการมีส่วนร่วมบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงปี 2545 ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ มาตรา 151 ซึ่งปัจจุบันถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ออกหมายจับฉบับที่ 2 หลังไม่ได้ทางเข้ารายงานต่อ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 จังหวัดระยอง เพื่อให้นำตัวยื่นฟ้องคดีต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 ตามนัดหมาย   

โดยในช่วงวันที่ 21 มิ.ย. หลังจากที่มีการนำตัวนายสุนทรไปส่งอัยการ เพื่อให้ดำเนินการสั่งฟ้องคดีเบื้องต้น นายสุนทรได้ยื่นหลักประกันตัวเป็นวงเงิน 6 แสนบาท ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ให้ประกันตัว แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามเดินทางออกนอกประเทศ  ก่อนหน้านี้ นั้น

นายสุนทร   วิลาวัลย์ อายุ 83 ปี  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.)ได้เปิดแถลงข่าวสื่อมวลชน   ที่อาคารพาณิชย์สองชั้นเลขที่ 10-12  ชั้นล่าง   ถนนเทศบาลดำริ เทศบาลเมืองปราจีนบุรี อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี  โดยกล่าวว่า    เกี่ยวกับที่เป็นข่าว การถือครองที่ดิน  และ  อีกคดีหนึ่ง บุกรุกที่ดิน

 เรียนเรื่องถือครองที่ดินก่อน   ก่อนอื่นที่จะถือครองที่ดิน เนื่องจากว่า มีนโยบายของทางรัฐบาล   แจ้งไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งไปทาง อำเภอ กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน ว่า    ราษฎรคนใด  ป่าสงวน หรือ  ที่สาธารณะทำกินอยู่  ไม่จะเป็น น.ส 2 หรือใบจับจอง หรือเอกสารอะไรที่ถือว่า ได้ทำจริงๆ ก็มายื่น เอกสารได้กับ เจ้าหน้าที่ ที่จะมา ทำการรังวัดที่ดิน โดยรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่มาทั่วประเทศ ก็มีข่าวอย่างนี้มา   ก็มีคนมาขายที่ให้   ตนเอง เป็นคนที่รักชื่นชอบรักต้นไม้  ธรรมชาติ เพราะมัน ไม่เหนียวตัว อากาศเย็นดี ก็ซื้อไว้  แล้วก็ให้เขามา ออกหลักฐานหนังสือจะเป็นปี 45 

มีระวางของปี 45 ระวางเส้นนี้เราซื้อไว้  จะเกินระวางหรือเปล่าตนก็เอาหลักฐานว่าจะซื้อ  ให้คนขายมาพูดกับเจ้าหน้าที่ทุกคน  เจ้าหน้าที่บอกว่าอันนี้ออกได้   เพราะไม่ผิดกฎหมาย เพราะท่านทำกินจริง ครอบครองจริง และไม่เข้าเขตอุทยานฯก็ซื้อไว้    หลังจากนั้นมาก็นำขอเอกสารสิทธิ์ ที่ที่ดิน    ที่ดินก็สอบสวนและออกเอกสารสิทธิ์ให้ตน    เรื่องก็มีแค่นี้    ตนรับรองว่า เข้าเขตอุทยานป่าสงวน สาธารณะ เราไม่เอาแน่นอน     และเจ้าหน้าที่ ทุกคนทำงานด้วยความถูกต้อง   ไม่มีการรับสินบน รับเงินจากตน    เขากลัว เพราะว่า สิ่งนี้ตนก็ไม่ทำ  ตนก็ไม่เอาอยู่แล้วว่ามันผิดกฎหมาย

ตนรับรองว่างานนี้ สุจริตทุกคน   ทุกคนทำตามหน้าที่ ออกหลักฐานตามแนวเขต อุทยานฯ ปี 45 ที่เขาเซ็นรับรองมาแล้วว่าถูกต้อง เจ้าหน้าที่ที่ดิน นำหลักฐานเจ้าของที่ดินเดิม ที่ช่วยมาชี้ที่  แล้วออกเอกสารสิทธิ์ตามนี้ครับ”นายสนทรกล่าว

และกล่าวต่อไปว่า   “ในเมื่อตนชื้อที่แล้ว  มีโฉนดแล้วก็ปักหลักแนวเขตสีแดง  ยังไม่ได้ล้อมรั้ว  อยากทำพื้นที่สวยงามและให้เจ้าหน้าที่ของเราทำเรื่องถึงอุทยานฯให้มารับทราบว่าเรากำลังปรับปรุงที่  มาดูเพราะกลัวที่จะลุกล้ำเพราะจะปรับปรุงที่   เราจ้างไปทำเขาก็ไปทำไป   ดูเจ้าหน้าที่บอกว่าล้ำเขต   เราก็แจ้งให้มาดู   ถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มา  ก็ทำไปตามเขตของเรา   ที่นี้ก็ได้ตำหนิบอกไปว่าอย่าให้ทำเกินโฉนด ของเรา   

เขาก็ แจ้งเราว่ามันเป็นแม็คโครมันหมุนกลับมาเลยเส้นนิดหน่อย   แต่เส้นนั้นที่ว่าลุกล้ำ  ยังมีชาวบ้านครอบครองอยู่   ไม่ใช่พื้นที่ป่าสงวน   ไม่ถึงเขตที่ผมสร้างมา   เป็นชื่อนายสายัณห์ ขวัญน้อย ครอบครองอยู่ไม่ใช่ที่ของอุทยานฯ 

ตอนหลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกว่าตนบุกรุก ก็มาว่ากันไปตามหลักฐาน   ตนมีอยู่แค่นี้   ที่ว่าเลยเนี่ย ที่มีคนครอบครอง  ที่ดินที่ว่าเข้า  น่ะตนยกให้เขาหมดเลย จะกี่ร้อยไร่ก็เอาไปเลย    เข้าจริงตนไม่อยากได้  บุกรุกทำไมแล้วตนไม่ทำให้เจ้าหน้าที่เดือดร้อน  ไม่เคยติดสินบน ไม่ชอบอยู่แล้ว”นายสุนทรกล่าว

และกล่าวเพิ่มเติมนายสุนทร   วิลาวัลย์ อายุ 83 ปี  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.)ได้เปิดแถลงข่าวสื่อมวลชน   ที่อาคารพาณิชย์สองชั้นเลขที่ 10-12  ชั้นล่าง   ถนนเทศบาลดำริ เทศบาลเมืองปราจีนบุรี อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี  โดยกล่าวว่า    เกี่ยวกับที่เป็นข่าว การถือครองที่ดิน  และ  อีกคดีหนึ่ง บุกรุกที่ดิน

 เรียนเรื่องถือครองที่ดินก่อน   ก่อนอื่นที่จะถือครองที่ดิน เนื่องจากว่า มีนโยบายของทางรัฐบาล   แจ้งไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งไปทาง อำเภอ กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน ว่า    ราษฎรคนใด  ป่าสงวน หรือ  ที่สาธารณะทำกินอยู่  ไม่จะเป็น น.ส 2 หรือใบจับจอง หรือเอกสารอะไรที่ถือว่า ได้ทำจริงๆ ก็มายื่  น เอกสารได้กับ เจ้าหน้าที่ ที่จะมา ทำการ รังวัดที่ดิน โดยรัฐบาล ให้เจ้าหน้าที่มา ทั่วประเทศ ก็มีข่าวอย่างนี้มา มีคนมาขายที่ให้ตนเอง ตนเป็นคนที่รัก   ชื่นชอบ ตนเองรักต้นไม้  ธรรมชาติ เพราะมัน ไม่เหนียวตัว อากาศเย็นดี ก็ซื้อไว้  แล้วก็ให้เขามา ออกหลักฐานหนังสือจะเป็นปี 45 

มีระวางของปี 45 ระวางเส้นนี้เราซื้อไว้  จะเกินระวางหรือเปล่าตนก็เอาหลักฐานว่าจะซื้อ  ให้คนขายมาพูดกับเจ้าหน้าที่ทุกคน  เจ้าหน้าที่บอกว่าอันนี้ออกได้เพราะไม่ผิดกฎหมาย เพราะท่านทำกินจริง ครอบครองจริง และไม่เข้าเขตอุทยานฯก็ซื้อไว้    หลังจากนั้นมาก็นำขอเอกสารสิทธิ์ ที่ที่ดิน    ที่ดินก็สอบสวนและออกเอกสารสิทธิ์ให้    เรื่องก็มีแค่นี้    

ตนรับรองว่า เข้าเขตอุทยานป่าสงวน สาธารณะ เราไม่เอาแน่นอน     และเจ้าหน้าที่ ทุกคนทำงานด้วยความถูกต้องไม่มีการรับสินบน รับเงินจากตน    เขากลัว เพราะว่า สิ่งนี้ตนก็ไม่ทำ  ตนก็ไม่เอาอยู่แล้วถ้ามันผิดกฎหมาย  

รับรองว่างานนี้ สุจริต   ทุกคนทุกคนทำตามหน้าที่ ออกหลักฐานตามแนวเขต อุทยานฯ ปี 45 ที่เขาเซ็นรับรองมาแล้วว่าถูกต้อง เจ้าหน้าที่ที่ดิน นำหลักฐานเจ้าของที่ดินเดิม ที่ช่วยมาชี้ที่  แล้วออกเอกสารสิทธิ์ตามนี้ครับ”นายสนทรกล่าว

และกล่าวต่อไปว่า   “ในเรื่องบุกรุกป่า   เมื่อตนชื้อที่แล้ว  มีโฉนดแล้ว   ก็ปักหลักแนวเขตสีแดง  ยังไม่ได้ล้อมรั้ว  อยากทำพื้นที่สวยงามและให้เจ้าหน้าที่ของเราทำเรื่องถึงอุทยานฯให้มารับทราบว่าเรากำลังปรับปรุงที่  มาดูเพราะกลัวที่จะลุกล้ำเพราะจะปรับปรุงที่   เราจ้างไปทำเขาก็ไปทำไป   พอดูเจ้าหน้าที่บอกว่าล้ำเขต   เราก็แจ้งให้มาดู   ถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มา  ก็ทำไปตามเขตของเรา   ที่นี้ก็ได้ตำหนิบอกไปว่าอย่าให้ทำเกินโฉนด ของเรา  

เขาก็ แจ้งเราว่ามันเป็นแม็คโครมันหมุนกลับมาเลยเส้นนิดหน่อย   แต่เส้นนั้นที่ว่าลุกล้ำ  ยังมีชาวบ้านครอบครองอยู่   ไม่ใช่พื้นที่ป่าสงวน   ไม่ถึงเขตที่ผมสร้างมา   เป็นชื่อนายสายัณห์ ขวัญน้อย ครอบครองอยู่ไม่ใช่ที่ของอุทยานฯ 

ตอนหลังมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกว่าตนบุกรุก ก็มาว่ากันไปตามหลักฐาน   ตนมีอยู่แค่นี้   ที่ว่าเลยเนี่ย ที่มีคนครอบครอง  ที่ดินที่ว่าเข้า  น่ะตนยกให้เขาหมดเลย จะกี่ร้อยไร่ก็เอาไปเลย    เข้าที่จริงตนไม่อยากได้  ทำไมแล้วตนไม่ทำให้เจ้าหน้าที่เดือดร้อน ไม่เคยติดสินบน ไม่ชอบอยู่แล้ว”นายสุนทรกล่าว

และกล่าวเพิ่มเติม  สมัยนี้สังคมต้องรับคนดี   หากทำตัวเกเร ทำตัว ไม่ดี  ชาวบ้านไม่เลือกตนมาทุกสมัย ไม่เคยสอบตก ตนช่วยใครก็ยังได้ เขาเชื่อถือ   ตนเป็นคน เสมอต้น เสมอปลาย  จริงใจตรงไปตรงมา  นี่คือบุคลิกของตนๆ อยู่พรรคภูมิใจไทยซึ่งพรรคภูมิใจไทยให้เกียรติตนมาก

ส.สคนแรกของพรรคคือส.ส อำนาจ วิลาวัลย์ได้คะแนนถล่มทลายทั้งจังหวัด   ท่านหัวหน้าพรรคก็ชมเชยพรรค ให้เกียรติ ทำชื่อเสียงให้ท่าน    แล้วก็ ภูมิใจในสิ่งนี้ ที่พรรคให้เกียรติ ทำเต็มที่ทำตามหน้าที่ของส.ส 

บุกรุกไม่มีอยากได้   เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีได้จากตนทุกคน   สินบนไม่เอา  แล้วการที่เจ้าหน้าที่ตนเชื่อว่าทุกท่านถ้าออกหลักฐานมันเป็นโฉนดมีสิทธิ์ไปตลอดชีวิต มันแก้ไขไม่ได้ ถ้าหากว่าเข้า   ใครจะกล้าไปรับทำ   แล้วตนว่าเจ้าหน้าที่คนไหนก็ไม่มีใครกล้ารับทำ แล้วตนก็ไม่เอา มันพิสูจน์กันได้ 

ตอนปี 45ตนก็ทำแนวตามนั้น  ตามที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้รับรองเขตในกรีนบุ๊ค  ดังนั้นต้องดูกันทั้งความถูกต้องของกฎหมาย  ไม่ใช่ว่าตนสู้เต็มที่ ไม่ใช่อย่างนั้น   ตนสู้ตามเอกสาร ตามเจตนา ไม่มี ความอยากได้ ในสิ่งที่ผิด   ไม่ชอบไม่เอาเลย    ฝากนิดนึงกรุณาอย่าพาดหัวข่าวตนโบ้ยเจ้าหน้าที่    ตนไม่มีการโบ้ยเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านช่วยพาดหัวข่าวให้ดีหน่อย”  นายสุนทรกล่าวนที่สุด

มานิตย์   สนับบุญ/ปราจีนบุรี  รายงาน