สองหนุ่มเมียนมาเมาพูดจาไม่เข้าหูจ้วงแทงเพื่อกลางวงเหล้าเจ็บสาหัส

0 20

สมุทรปราการ-สองหนุ่มแรงงานเมียนมาทำงานในโรงฆ่าหมูพูดไม่เข้าหูชักมีดแทงกลางวงเหล้าอาการสาหัส เหตุเกิดภายในซอยวิทยุการบิน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 2 กรกฎาคม 2565 พ.ต.ต.ชนินทร์ เพชรคำ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีชายแรงงานต่างด้าว ถูกแทงด้วยอาวุธมีด จำนวนหลายแห่งอาการสาหัส ที่บริเวณแคมป์พักคนงานบริษัท พีเอสฟู๊ด โปรดักส์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบริษัท ซึ่งอยู่ภายในซอยวิทยุการบิน (เทศบาลบางปู 59 )หมู่ 7 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและกู้ชีพโรงพยาบาลสมุทรปราการเดินทางเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณปากทางเข้าแคมป์พักคนงานดังกล่าวได้พบร่างของนาย อู จีซอ อายนุ 46 ปี แรงงานชาวงพม่า ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทพีเอสฟู๊ด โปรดักส์ นั่งพิงอยู่กับกำแพงรั้วในสภาพเลือดท่วมตัวแดงฉานตามลำตัวมีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดขนาดใหญ่จำนวน 4 แผล และที่ต้นแขนซ้าย 1 แผล และศีรษะอีกจำนวน 1 แผล โดยผู้บาดเจ็บมีอาการซึมอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพได้ให้การปฐมพยาบาลเบื้องค้นก่อนรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายเท ต้นนาย อายุ 48 ปี ชาวพม่าซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกันหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ส่วนจุดที่เหตุทราบว่าเกิดภายในห้องพักภายในแคมป์พักคนดังกล่าว ห้องที่ 022 เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ ได้พบว่าภายในห้องมีคราบเลือดสาดกระจายเต็มพื้นห้องและพบร่องรอยการตั้งวงดื่มสุรากันอยู่ในห้องดังกล่าว

จากการสอบถามนายบุญตง โอ๊ค อายุ 20 ปี ชาวกัมพูชา ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเดินอยู่ใกล้แคมป์ที่เกิดเหตุได้ยินเสียงคล้ายทำร้ายกัน ตนจึงรีบวิ่งไปดูได้พบว่าเห็นผู้ก่อเหตุวิ่งสวนตนออกมาจากห้อง โดยพบร่างของผู้บาดเจ็บที่มีเลือดท่วมตัวคลานออกมาจากห้องที่เกิดเหตุมาขอความช่วยเหลือ ก่อนที่ภรรยาของผู้บาดเจ็บที่พักอาศัยอยู่ห้องติดกันได้ออกมาช่วยพาผู้บาดเจ็บไปล้างเลือดออกจากตัวและพยุงร่างผู้บาดเจ็บจะไปส่งโรงพยาบาลแต่ผู้บาดเจ็บไปไหวจึงแจ้งขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บผู้ก่อเหตุน่าจะนั่งดื่มเหล้าด้วยกันจนกระทั่งมึนเมาและเพราะมีปากเสียงกันจึงถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทงผู้บาดเจ็บหลายครั้งก่อนที่จะหลบหนีไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป