อพท. ชวน 4 ชุมชุน ดูงาน “ป่าเด็ง” เรียนรู้จัดการขยะให้มีค่า เดินหน้าท่องเที่ยวโดยชุมชน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG

อพท. ชวน 4 ชุมชุน ดูงาน “ป่าเด็ง” เรียนรู้จัดการขยะให้มีค่า เดินหน้าท่องเที่ยวโดยชุมชน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG





ad1

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 8 จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพรูปแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตอบสนองตลาดมูลค่าสูง บนฐานการพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model)  โดยนำแกนนำ 4 ชุมชน เขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (Thailand  Riviera)  ประกอบด้วย ชุมชนบ้านถ้ำเสือ ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน และ ชุมชนบ้านกลางพัฒนา ต.ท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี  ชุมชนบ้านม้าร้อง ต.พงศ์ประศาสน์  และชุมชนบ้านทางสาย ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ศึกษาดูงานที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายรวมใจตามรอยพ่อชุมชนป่าเด็ง ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

 ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบในการพึ่งพาตนเองได้ครบทุกมิติ ทั้งด้านพลังงาน ความมั่นคงทางอาหาร และการจัดการสิ่งแวดล้อม จนได้รับรางวัลมากมายทั้งระดับประเทศ และ รางวัลชนะเลิศระดับอาเซียน  รางวัล ASEAN Energy Awards 2017 โดยมี นายโกศล แสงทอง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าเด็ง นายมนัส ทิมเมฆ ประธานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายรวมใจตามรอยพ่อ และนางสาวจุฑารัตน์  ดอนไผ่ศรี เหรัญญิกเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายรวมใจตามรอยพ่อ เป็นวิทยากรให้ความรู้ทั้งทฤษฎีและลงมือทดลองทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง

สำหรับชุมชนที่มาร่วมศึกษาดูงานในครั้งนี้ เป็นชุมชนที่ อพท. มีเป้าหมายจะพัฒนาเพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนเข้าสู่ตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง โดยพบว่ามีปัญหาร่วมกันคือการจัดการขยะที่เกิดจากการท่องเที่ยว ซึ่งจากการศึกษาดูงานทั้งเรื่องสถานการณ์และกฎหมายเกี่ยวกับขยะ  เทคโนโลยีและระบบก๊าซชีวภาพในการกำจัดขยะ การแปลงขยะเป็นของมีค่า  และหลักการจัดการขยะชุมชน ทั้งหลักการเผาและเทคนิคการผลิตเทคโนโลยี เพื่อจัดการขยะด้วยเตาเผาชีวมวล

นายโกศล แสงทอง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าเด็ง กล่าวว่า “ต้องทำให้ชุมชนเกิดองค์ความรู้ในการคัดแยกขยะ ซึ่งมากกว่า 60 % เป็นขยะอินทรีย์ที่นำมาทำเป็นก๊าซชีวภาพ  โดยในหนึ่งเดือนสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ประมาณ 1ถัง หรือ 15 กิโลกรัม ใช้หุงต้มในครัวเรือนได้อย่างปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ  ลดรายจ่ายได้ปีละกว่า 6,000 บาท  และยังกำจัดขยะอินทรีย์ได้ถึงปีละกว่า 10 ตัน  ส่วนขยะรีไซเคิล 30% จำพวกขวดน้ำ ขวดพลาสติก ที่สามารถนำไปขายได้ รวมทั้งยังนำมาทำเป็นไม้กวาดใช้ในชุมชน

 และที่เป็นขยะจริงๆ ไม่สามารถขายได้ ประมาณ 10% จะนำไปเผาในเตาเผาขยะชีวมวล ซึ่งถูกออกแบบด้วยหลักวิทยาศาสตร์และความรู้ทางเคมี เป็นเตาสองชั้นที่ทำให้มีอุณหภูมิสูง 300-900 องศาเซลเซียส สามารถกำจัดกรดพิษในขยะ  รวมทั้งมีช่องเพื่อเติมอากาศจนทำให้เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ จากการเผาแบบเดิมที่ปลดปล่อยควันพิษถึง  1,400 ppm ลดลงเหลือเพียง 8 ppm ไม่ส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม  รวมทั้งองค์ความรู้ในการทำระบบไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์  เพื่อลดรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น”

นายสุเทพ  พิมพ์ศิริ  แกนนำชุมชนบ้านถ้ำเสือ พร้อมทั้ง แกนนำทั้ง 4 ชุมชนที่ร่วมศึกษาดูงาน  เปิดเผยว่า หลังจากได้เรียนรู้จากชุมชน “ป่าเด็ง”  ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไม่มีไฟฟ้าใช้  จนต้องนำระบบโซลาร์เซลล์เข้ามาพัฒนาในพื้นที่  มีการจัดการชุมชนครบทุกมิติและมีความยั่งยืนกว่า 20 ปี  ถือเป็นองค์ความรู้ที่ทำได้จริงและสามารถนำไปขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ได้  ซึ่งตนจะได้นำความรู้และแนวคิดจากการดูงาน ไปแก้ไขปัญหาการจัดการขยะของชุมชนบ้านถ้ำเสือ และต่อยอดกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป และเครือข่ายทั้ง 4 ชุมชน ยังได้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้กันอีกด้วย

ด้านนายสุขสันต์ เพ็งดิษฐ์  ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 8  กล่าวว่า  อพท.เล็งเห็นต้นทุนและความตั้งใจของชุมชน จึงเตรียมหาแหล่งทุนงบประมาณและประสานไปยังหน่วยงานภาคีเครือข่ายเพื่อขอรับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ให้กับชุมชน ซึ่งความสำเร็จจะยั่งยืนได้ คือ หน่วยงานร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาไปพร้อมๆ กับชุมชน  ในส่วนของ อพท.   ยังมีแผนจะสนับสนุนด้านองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ แก่ชุมชนเป้าหมายเพื่อให้เกิดการขยายผลภาพรวมเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก ที่ตอบโจทย์ BCG โมเดลได้อย่างเห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม

ระรินธร  เพ็ชรเจริญ รายงาน