ปิดฉาก “สองจอมโจรอ้วนผอม”ก่อคดีลักทรัพย์ทั่วประเทศใต้จรดเหนือตลอด 7 ปี

ปิดฉาก “สองจอมโจรอ้วนผอม”ก่อคดีลักทรัพย์ทั่วประเทศใต้จรดเหนือตลอด 7 ปี





ad1

สงขลา-ปิดฉาก “สองจอมโจรอ้วนผอม” แก๊งไอ้โม่งลิงก่อคดีลักทรัพย์ทั่วประเทศตั้งแต่ใต้สุดยันเหนือสุดแดนสยามตลอด 7 ปี  25 คดี ได้เงินสดและทรัพย์สินประมาณ 50 ล้าน เน้นเซาะเซฟมากสุดครั้งเดียวกวาดไป 21 ล้าน เผยการปฏิบัติการละเอียด และกลับมาพบจุดจบตายน้ำตื้น 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 16 ก.ย.65 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจ.สงขลา กรณีการจับกุมนายสมพร พุฒขวัญ อายุ 44 ปี ชาวจ.สตูล และนายวสันต์ ตั้งธนภิญโญกูล อายุ 39 ปี ชาว อ.เบตง จ.ยะลา 2 โจรอ้วนผอมแก๊งค์ไอ้โม่งลิงที่ก่อเหตุลักทรัพย์หลายจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ใต้สุดแดนสยาม อ.เบตง จ.ยะลา จนถึงเหนือสุดแดนสยาม จ.เชียงราย รวม 25 คดี  ในระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2559 จนถึง 2565  กวาดทรัพย์สินทั้งเงินสดและทรัพย์สินไปประมาณ 50 ล้านบาท และแทบไม่ทิ้งหลักฐาน หรือร่องรอยให้สืบสวนติดตามจับกุมได้ โดยทั้ง 2 คน ถูกตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา และชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สตูล ร่วมกันจับกุมได้ หลังจากที่พยายามสืบสวนรวบรวมหลักฐานมาเกือบ 1 ปีเต็ม

ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ 9 และชุดปฏิบัติการที่นำโดย พล.ต.ต.ทิวธวัช  นครศรี ผบก.สส.ภ 9  พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9  พ.ต.อ สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก. สส ภ.9  พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส. 3 บก. สส. ภ.9  พตอ ธนวัต เส้งสุย ผกก. สส.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ  สินชัย คล่องแคล่ว ผกก.สส.ภ.จว. สตูล พ.ต.อ ดุลเดช สันดาเส็น ผกก.สภ.ควนกาหลง จ.สตูล พ.ต.ท.เอกภพ มุสิปักษ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา พ.ต.ท.เกริกชาย ฉันทจิตร รอง ผกก. สส.สภ.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

โดยนายสมพร ถูกจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 11 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ส่วนนายวสันต์ ถูกจับกุมได้ที่บ้านพักในหมู่บ้านแกรนด์วิลล่า 3 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุลักทรัพย์และทรัพย์สินที่ยึดคืนมาได้บางส่วนรวม 19 รายการประกอบด้วย รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซู ทะเบียน ผฉ 5771 สงขลา 1 คัน  รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน 1 คัน หมวกโม่งลิง 15 ถุงมือผ้ายาว 7 คู่ รองเท้าหุ้มส้น แบบสตั๊ดดอย สีดำ 6 คู่ กระเป๋าเป้ 5 ใบไฟฉาย แบบคาดศีรษะ 3 อัน ชะแลงเหล็กยาว 2 อัน ไขควง 3 ด้าม กรรไกรตัดเหล็ก 5 อัน เครื่องเจียร์ไฟฟ้า  3 ตัว ค้อน 3 ด้าม เลื่อยตัดเหล็ก 1 คัน ใบเลื่อย 16 แผ่น คีม  2 อัน เสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุบางส่วนโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง นาฬิกาหรู 8 เรือน มูลค่า 3 ล้าน บาท น้ำหอม  3 ขวด

ในทางการสืบสวนที่มีหลักฐานชัดเจนพบว่าในช่วง 7 ปี จอมโจรอ้วนผอมแก๊งค์ไอ้โม่งลิงคู่นี้ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์มาอย่างโชกโชนในพื้นที่ 6 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย พื้นที่อ.เบตง จ.ยะลา 2 ครั้ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 3 ครั้ง พื้นที่ จ.สตูล 9 ครั้ง จ.สุพรรณบุรี 2 ครั้ง จ.พะเยา 2 ครั้ง จ.ลำปาง 1 ครั้ง และ จ.เชียงราย 6 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นการเจาะเซฟถึง 17 คดี โดยเคสที่ได้ทรัพย์สินไปมากที่สุดคือที่หมู่บ้านปาล์มสปริง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กวาดทรัพย์สินทั้งเงินสดและของมีค่าไปกว่า 21 ล้านบาท เหตุเกิดระหว่างวันที่ 13-28 พฤศจิกายน 2563 และย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้งรอบ 2 ที่บ้านหลังเดิมเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 แต่ไม่ได้อะไรไป

อีกเคสคือที่ร้านสำเพ็งหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2564 ได้เงินสดและของมีค่าไปประมาณ 6 ล้านบาท และอีกเคสที่บ้านเลขที่166 หมู่ 6 ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ได้เงินสดและทรัพย์สินไปกว่า 12 ล้านบาท  ส่วนเคสอื่นมูลค่าความเสียหายตั้งแต่ 1 แสนบาทจนถึง 1 ล้านบาท และบางเคสก็ได้แค่ 2,000 บาท และมีบางเคสที่ไม่ได้อะไร และพฤติกรรมในการก่อเหตุคือจะลงมือก่อเหตุแบบเดียวกันทุกครั้ง คือการเจาะเซฟ  รวมถึงการแต่งกายที่มิดชิดด้วยการสวมเสื้อผ้าคล้ายชุด PPE สวมหมวกโม่งลิง สวมถุงมือ สะพายเป้สีดำ ถือชะแลงเหล็กยาว และจะเลือกลงมือก่อเหตุทั้งปั้มน้ำมัน ปั้มแก๊ส สหกรณ์การเกษตร โรงงานปาล์มน้ำมัน ร้านค้าขนาดใหญ่  ร้านรับส่งพัสดุ แพปลา หรือแม้แต่มัสยิด รวมถึงบ้านที่มีฐานะ

โดยจะเลือกสถานที่ ซึ่งมีที่ตั้งติดกับป่าละเมาะ หรืออยู่ห่างไกลชุมชน และเป้าหมายหลักคือตู้เซฟ จะเลือกลงมือในช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน หรือช่วงเทศกาล เพราะจะมีเวลาในการก่อเหตุอย่างสะดวก และแทบทุกครั้งจะนำเซิฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดไปด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันตำรวจตามแกะรอย โดยหนึ่งในภาพหลักฐานจากกล้อวงวงจรปิดที่มีการเจาะเซฟอย่างชัดเจน คือที่สหกรณ์การเกษตรทุ่งหว้า จ.สตูล เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2564 ได้เงินสดไปกว่า 2 แสนบาท ซึ่งใช้เครื่องเจียร์ตัดตู้เซฟ และแม้ว่าคู่นี้จะหนีลอยนวลและรอดจากการจับกุมมาตลอด 7 ปี เพราะแทบจะไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เแต่ก็มาตายน้ำตื้นจากการเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล เมื่อคืนวันที่ 18 มิถุนายน ได้เหล้าไปเพียง 1 ขวด แต่หลังจากตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 ได้ไปตรวจที่เกิดเหตุแม้ว่าจะเป็นคดีเล็กๆ แต่ก็พบพิรุธและจุดสังเกตบางอย่าง

โดยเฉพาะกระเป๋าสพายหลัง ซึ่งเหมือนกับของคนร้ายที่ก่อเหตุคดีลักทรัพย์หลายๆคดีที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและประสานข้อมูลและการปฏิบัติจากหลายท้องที่ทั่วประเทศทั้งภาค 9 ภาค 7 และภาค 5 และพบว่ามีเหตุลักทรัพย์ที่มีพฤติการณ์ในการก่อเหตุในลักษณะใกล้เคียงกันรวมทั้งสิ้น 25 ครั้ง ในหลายท้องที่ทั่วประเทศ จนนำมาสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับจำนวน 3 หมายใน3จังหวัด คือหมายจับของ สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และสภ.ควนกาหลง จ.สตูล และตามจับกุมทั้งสองคนได้ในที่สุด  และกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเพิ่มอีก 2-3 คน ที่ร่วมก่อเหตุลักทรัพย์ในบางคดี

และจากการสอบสวนทั้ง 2 คน ก็ยอมรับสารภาพโดยบอกว่าเท่าที่จำได้เริ่มก่อเหตุตั้งแต่ปี2560 - 2565 ประมาณ 20 ครั้ง ประกอบด้วย พื้นที่ภาคใต้ จำนวน 12 ครั้ง ได้แก่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 3 ครั้ง และ จ.สตูล 9 ครั้ง ในพื้นที่ภาคกลาง 1 ครั้ง ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี  ในพื้นที่ภาคเหนือ 7 ครั้ง ได้แก่ จ.ลำปาง 1 ครั้ง และ จ.เชียงราย 6 ครั้ง โดยคดีอื่นๆทั้งสองคนอ้างว่าจำไม่ได้เพราะก่อเหตุมามาก บางครั้งก็ลงมือก่อเหตุ 2 คน บางครั้งก็ 3 คน ครั้งล่าสุดก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านหลังหนึ่งย่านถนนพัฒนา 6 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อคืนวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาได้ทรัพย์สินไปประมาณ 6 แสนบาท และเป็นการยกตู้เซฟไป หลังก่อเหตุจะนำเงินและทรัพย์สินที่ได้แบ่งกันและแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตตามปกติกับครอบครัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป

แต่นายสมพรบอกว่านอกจากจะนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวแล้ว ยังนำไปรักษาตัวด้วย เพราะตอนนี้ป่วยเป็น HIV ส่วนนายวสันต์ หัวหน้าทีมยอมยกมือไหว้ขอโทษทุกคนที่เคยเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ หลังถูกจับกุมตำรวจได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คน ไปชี้จุดและทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เคยก่อเหตุลักทรัพย์ทั้งใน จ.สงขลา และ จ.สตูล รวม 3 จุด ทั้งร้านสำเพ็งหาดใหญ่ หมู่บ้านปาล์มสปริงหาดใหญ่ และปั้ม ปตท.ทุ่งนุ้ย จ.สตูล

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 รวม 4 ข้อหารคือ ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิด รวมทั้งผู้ที่รับซื้อทรัพย์สิน และจะเร่งติดตามทรัพย์สินที่ยังไม่ได้คืนมาอย่างเร่งด่วน สำหรับคดีนี้ เป็นอีกหนึ่งคดีลักทรัพย์ระดับประเทศ ที่ตำรวจต้องใช้เวลาในการสืบสวนเกือบ 1 ปีเต็ม ทั้งหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และภาพจากกล้องวงจรปิดนำมาวิเคราะห์ข้อมูล จนสามารถระบุแผนประทุษกรรม ที่มีลักษณะคล้ายกัน และนำมาสู่การระบุตัว และจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ และหลังจากนี้จะสั่งการให้ทุกพื้นที่ที่มีเหตุลักทรัพย์ที่มีพฤติการณ์คล้ายกับคดีดังกล่าว นำพยานหลักฐานมาเปรียบเทียบเพื่อขยายผลในการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งติดตามผู้ร่วมขบวนการ และผู้รับซื้อของที่ได้จากการลักทรัพย์ต่อไป.