ปิดฉากรักสามเส้า 9 ปี!เมียแรกบุกตามสามี แทงเมียสองดับคาบ้าน

ปิดฉากรักสามเส้า 9 ปี!เมียแรกบุกตามสามี แทงเมียสองดับคาบ้าน





ad1

อุดรธานี-เมียหลวงมาตามสามี หลังกลับจากไปก่อสร้างนาน 1 ปี ไม่ยอมเข้าบ้าน เจอซุกอยู่บ้านเมียน้อย เลยเกิดศึกทะเลาะกัน เมียน้อยเป็นเจ้าของบ้านใช้ไม้ท่อน ส่วนเมียหลวงใช้มีด แทงเข้าใต้ราวนมล้มลง ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ. คนแทงเข้ามอบตัวยอมรับผิด เผยสามีกับผู้ตายอยู่กินกันอย่างเปิดเผยนานถึง 9 ปี ทั้งที่ตนเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ร.ต.อ.ชินาธิป บัวเข็ม รอง สว.สอบสวน สภ.โนนสะอาด ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มี นางเพ็ญจันทร์ ไชยสิทธิ์ หรือตุ๋ย อายุ 61 ปี บ้านอยู่หมู่ 13 ต.บุ่งแก้ว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี พร้อมญาติ ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเวลา 14.00 น. วันที่ 24 กันยายน 2565 หลังจากก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับ นางวิไล ทิมินกุล หรือนาง อายุ 53 ปี บ้านอยู่หมู่ 1 ต.บุ่งแก้ว อ.โนนสะอาด ก่อนที่นางเพ็ญจันทร์จะชักมีดปอกผลไม้แทงนางวิไลจนบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หน้าบ้านเลขที่ 125 หมู่ 1 ต.บุ่งแก้ว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนางวิไล เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2565 ขณะที่นางวิไลอยู่กับสามีคือ นายทองใบ ไชยสิทธิ์ อายุ 63 ปี นายอาทิตย์ สนณรงค์ อายุ 50 ปี น้องชาย และลูกชายของนางวิไล 2 คน นางวิไลกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวหลังบ้าน นางเพ็ญจันทร์ ภรรยาอีกคน (เมียหลวง) ของนายทองใบได้ขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้าน ก่อนที่จะเรียก นายทองใบ สามี ที่นอนอยู่ในบ้านให้ออกมาพูดคุยกัน แต่นายทองใบไม่ออกมา

จังหวะที่ นางจันทร์เพ็ญ ภรรยาหลวง ใช้มือทุบที่รถกระบะของนายทองใบ เพื่อเรียกสามีให้ออกมา นางวิไลภรรยาน้อยได้ตะโกนด่าทอออกมาจากหลังบ้าน จนเกิดการโต้เถียงท้าทายกัน และออกมาทะเลาะที่หน้าบ้าน โดยนางวิไลจะถือท่อนไม้ยูคาลิปตัสออกมา เกิดต่อสู้กับนางจันทร์เพ็ญ บริเวณถนนหน้าบ้านอยู่สักพัก กอนที่นางจันทร์เพ็ญตัดสินใจชักมีดปอกผลไม้ที่พกติดตัวมาแทงสวนไป 1 ครั้ง แล้ววิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์กลับบ้านตัวเองที่อยู่ห่างไปประมาณ 2 กม. ระหว่างทางได้ทิ้งมีดที่ก่อเหตุไว้ที่ตู้น้ำมันหยอดเหรียญกลางหมู่บ้าน ส่วนนางวิไลตะโกนบอกลูกชายให้มาช่วย จากนั้นนายทองใบได้เร่งนำตัวภรรยาคนที่สองส่ง รพ.โนนสะอาด

ต่อมาเวลา 22.00 น. คืนเกิดเหตุ นางจันทร์เพ็ญ ได้บอกลูกสาวและญาติพามาแจ้งความว่าถูกนางวิไลทำร้ายร่างกาย และไปตรวจร่างกายที่ รพ.โนนสะอาด ได้รับบาดเจ็บจากการถูกท่อนไม้ตีศีรษะ ใบหน้า และแขนทั้งสองข้าง กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 24.00 น. ได้รับแจ้งว่านางวิไลได้เสียชีวิตแล้ว หลังส่งตัวมารักษาต่อ รพ.อุดรธานี โดยมีบาดแผลถูกแทงเข้าที่ใต้ราวนมซ้าย 1 แผล ตำรวจจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้นางจันทร์เพ็ญเข้ามอบตัว จนเวลา 10.00 น. วันที่ 24 กันยายน 2565 พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นเก็บหลักฐาน ตรวจยึดมีดปอกผลไม้ความยาว 22 ซม. ไม้ยูคาลิปตัส ยาว 90 ซม. 1 ท่อน และยาว 40 ซม. 1 ท่อน คาดว่าเป็นไม้ท่อนเดียวกัน

จากนั้นช่วงเย็นของวันที่ 24 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 1 ต.บุ่งแก้ว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี สถานที่จัดงานสวดอภิธรรมศพ นางวิไล ทิมินกุล มีญาติพี่น้องที่ทราบต่างเดินทางมาช่วยจัดเตรียมงาน มีลูกสาวคนเล็กและครอบครัวของนางจันทร์เพ็ญ ภรรยาหลวงมาร่วมงานและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองพูดคุยกันด้วยดี โดยจะมีกำหนดการฌาปนกิจศพในวันจันทร์ที่ 26 กันยายนนี้

นางเพ็ญจันทร์ ภรรยาหลวง เล่าว่า แต่งงานอยู่กินกับนายทองใบนานกว่า 40 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ชาย 1 หญิง 2 ตนมีอาชีพทำนา ส่วนสามีทำงานก่อสร้าง เมื่อ 9 ปีที่แล้วสามีเริ่มปันใจไปคบหากับนางวิไลอย่างเปิดเผย ซึ่งทั้งสองทำงานก่อสร้างด้วยกัน ช่วงแรกสามียังกลับมาที่บ้าน ระยะหลังก็หายไป มารู้อีกครั้งพบว่ามาอาศัยอยู่กับเมียน้อยอย่างออกหน้าออกตาไม่เกรงใจตน พอกลับบ้านมาก็ดื่มเหล้าจนเมาหาเรื่องทะเลาะ ด่าทอด้วยคำหยาบคาย แต่ไม่เคยลงมือทำร้าย จนตนเองปลงไปแล้ว ย้ายไปอยู่กระท่อมนาคนเดียว ทำนา เลี้ยงสัตว์ หาเลี้ยงชีพคนเดียว แต่ไม่ได้หย่าร้างกับนายทองใบ

ภรรยาหลวง กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้สามีหายจากบ้านไปนานกว่า 1 ปี บอกว่าจะไปทำงานก่อสร้างในเมืองอุดรธานี เมื่อวานนี้คนงานในหมู่บ้านกลับกันมาหมดแล้ว แต่สามียังไม่กลับ จึงโทรไปหาก็บอกว่ายังไม่กลับ จึงขับรถจักรยานยนต์ไปดูที่บ้านภรรยาน้อย ก็เห็นรถกระบะของสามีจอดอยู่ข้างบ้าน จึงเดินเข้าไปเรียกสามี แต่เกิดทะเลาะกับภรรยาน้อย จนภรรยาน้อยคว้าท่อนไม้มาทุบตีตน ตนสู้ไม่ได้จึงล้วงเอามีดปอกผลไม้ที่พกไว้ในกระเป๋าถือออกมาแทงสวนไป 1 ครั้ง ภรรยาน้อยทิ้งไม้และล้มลง ตนจึงรีบขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านทันที โดยไม่รู้ว่าภรรยาน้อยจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อรู้ว่าเขาตายแล้วก็รู้สึกเฉยๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องกฎหมายและชะตากรรม

ขณะที่ นายอาทิตย์ น้องชายผู้ตาย เล่าว่า ตอนนั้นพี่สาวกำลังทอดหมูเป็นอาหารเย็น พอภรรยาหลวงมาถึงก็ส่งเสียงเอะอะเรียกสามี พี่สาวจึงตะโกนด่ากับภรรยาหลวง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกัน เพราะทะเลาะกันบ่อยมาก ตนจึงไม่ได้สนใจ ลูกชายของพี่สาวก็ไม่ได้สนใจ ไม่นานได้ยินเสียงพี่สาวเรียกลูกชายคนเล็กให้มาช่วย ตนก็วิ่งไปดู พบว่าพี่สาวนั่งเหยียดขาเอามืดซ้ายกุมหน้าอกเอาไว้ แต่ยังไม่หมดสติ จึงเรียกนายทองใบให้รีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาล ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงนี้ เสียใจที่พี่สาวต้องมาจากไป รู้ดีว่าทั้งสามคนมีปัญหาเรื่องนี้ ตนเคยบอกพี่สาวแล้วว่าทำให้มันถูกต้อง ให้เขาเลิกกันให้เด็ดขาดถึงมาคบกัน ส่วนสามีคนแรกของพี่สาวเลิกรากันไปนานแล้ว ก่อนที่จะมีมาอยู่กินกับนายทองใบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานางจันทร์เพ็ญ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แต่ยังไม่มีการควบคุมตัวนางจันทร์เพ็ญ เนื่องจากไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และจะนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดอุดรธานีในวันที่ 26 กันยายนนี้.