ส่องบ้านจ่าคลั่งกราดยิงที่โคราชชาวบ้านเชื่อปมเดียวกับซื้อบ้านสวัสดิการกองทัพไทยโดนเก็บค่าต่งโหด

ส่องบ้านจ่าคลั่งกราดยิงที่โคราชชาวบ้านเชื่อปมเดียวกับซื้อบ้านสวัสดิการกองทัพไทยโดนเก็บค่าต่งโหด





ad1

ภายหลังจากเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้พานางพัสนีย์ บัวสันเทียะ และนางสาวเบิร์ด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการบ้านจัดสรร เดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือต่อว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.กระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความคุ้มครองพยานฯ เนื่องจากพยานถูกนายทหารระดับนายพลฯ ข่มขู่ เพราะมีเอกสาร คลิปเสียง และวิดีโอหลักฐาน ซึ่งเป็นสาเหตุและแรงกดดัน ลักษณะเดียวกันกับเหตุจ่าคลั่งกราดยิง เมื่อวันที่ 8 ก.พ.63 ที่จ่าคลั่ง จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ถมมา อายุ 32 ปี สังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ นครราชสีมา ได้ใช้อาวุธปืนยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชา และนางอนงค์ มิตรจันทร์ แม่ยายของผู้บังคับบัญชาจนเสียชีวิต

 ก่อนที่จะก่อเหตุใช้อาวุธสงครามกราดยิงประชาชน ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 88 ราย (ผู้เสียชีวิต 31 ราย ผู้บาดเจ็บ 57 ราย) ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าปมเหตุของการกราดยิงเริ่มมาจากข้อพิพาทเรื่องเงิน และการซื้อขายบ้านที่ผู้ก่อเหตุซื้อจากนายหน้า ซึ่งเป็นเครือญาติของผู้บังคับบัญชา แต่ตกลงกันไม่ได้ ขบวนการการซื้อขายบ้านดังกล่าว เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเป็นเครือญาติของนายทหาร นำโครงการมาเสนอขายให้ทหารชั้นผู้น้อยในราคาถูก พร้อมกับจัดหาเจ้าหน้าที่มาดูแลการประเมินราคาบ้านให้สูงกว่าความเป็นจริง และอนุมัติเงินกู้เพื่อนำเงินส่วนต่างมาแบ่งกันนั้น

ล่าสุด วันนี้ (18 ตุลาคม 2565) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 321/9 บ้านโป่งแมลงวัน หมู่ที่ 5 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของ จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ถมมา ที่เป็นฉนวนเหตุกราดยิงเมื่อวันที่ 8 ก.พ.63 พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ด้านหน้าบ้านล็อกกุญแจปิดประตูรั้วไว้อย่างแน่นหนา สภาพบ้านเริ่มทรุดโทรม ฝ้าเพดานสีเริ่มลอก รอบบริเวณบ้านมีหญ้า และต้นไม้ขึ้นรกร้าง เนื่องจากไม่มีผู้อยู่อาศัยมานานกว่า 2 ปีตั้งแต่เกิดเหตุกราดยิง ขณะเดียวกันบ้านหลังที่อยู่ติดกันกับบ้านจ่าจักรพันธุ์ พบว่ามีผู้อยู่อาศัย แต่เจ้าของบ้านจะมาอยู่อาศัยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ส่วนบ้านรูปแบบเดียวกันที่อยู่ในโครงการบ้านจัดสรรสวัสดิการทหาร เหมือนบ้านจ่าจักรพันธุ์ ซึ่งอยู่ใกล้กันอีก 5-6 หลัง พบว่ามีผู้อยู่อาศัยทุกหลัง นอกจากนี้บริเวณด้านหลังของบ้านจ่าจักรพันธุ์ ก็พบว่ามีชาวบ้านมาซื้อที่และกำลังทำการก่อสร้างบ้านหลังใหม่เพิ่มอีก 2 หลัง

จากการสอบถามนายเสริม ฉลอมประโคน อายุ 50 ปี ชาวบ้านรายหนึ่งบอกว่า ตนเองได้มาซื้อที่ 60 ตรว.บริเวณด้านหลังบ้านจ่าจักรพันธุ์ และได้นำดินมาถมเพื่อสร้างบ้านอยู่อาศัย โดยจะลงเสาเข็มในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ซึ่งก่อนซื้อที่ตรงนี้ก็ได้จุดธูปบอกจ่าจักรพันธุ์ว่า ตนมาดี จะมาปลูกบ้านอยู่อาศัยติดกัน มาเป็นเพื่อนบ้านกันด้วย และไม่รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เพราะเรื่องก็เกิดขึ้นมานานแล้ว ทุกคนอโหสิกรรมให้ เนื่องจากทราบว่าเรื่องนี้จ่าจักรพันธุ์คงจะมีอะไรกดดันชีวิตอย่างหนัก จนทำให้ต้องระบายอารมณ์ออกมาเช่นนั้น

ด้านนายนิพันธ์ ทองศรี อายุ 50 ปี ชาวบ้านอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า ตนเองก็ได้มาซื้อที่บริเวณหลังบ้านจ่าจักรพันธุ์ไว้ และได้แบ่งขายให้กับเพื่อนๆ มาสร้างบ้านอยู่ใกล้กัน ยกเว้นบ้านจ่าจักรพันธุ์ ที่ไม่มีใครอยู่ ถูกปล่อยให้รกร้างจนบ้านเริ่มทรุดโทรมแล้ว ตอนนี้หลายคนก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร เพราะช่วงหลังปีใหม่นี้ก็จะมีคนมาสร้างบ้านใหม่ติดกันนี้เพิ่มอีก 2 หลัง แม้ว่าทุกคนจะยังไม่ลืมเรื่องราวเหตุกราดครั้งนั้นก็ตาม แต่อีกมุมหนึ่งชาวบ้านทุกคนก็รู้สึกสงสารจ่าจักรพันธุ์ที่ถูกกดดันจากผู้บังคับบัญชา ดังนั้นชาวบ้านทุกคนจึงอโหสิกรรมให้หมดแล้ว และไม่มีใครเรียกจ่าคลั่ง เพราะเชื่อว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ ถ้าจะเรียกก็เรียกชื่อไปเลยว่า “จ่าจักรพันธุ์” ส่วนเรื่องที่เพิ่งมีการร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมล่าสุด ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องลักษณะคล้ายกันนี้.

ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา