เรือประมงไทยเดือด! รุดเเจ้งตำรวจน้ำหลังเจอเรือเวียดน้ำลุกล้ำอ่าวไทยไม่หยุด

เรือประมงไทยเดือด! รุดเเจ้งตำรวจน้ำหลังเจอเรือเวียดน้ำลุกล้ำอ่าวไทยไม่หยุด





ad1

ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม(IUU FISHING) และการป้องกันการค้ามนุษย์ในภาคประมงภายใต้อำนวยการและสั่งการของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พลตำรวจตรีพฤทธิพงศ์ นุขนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ ที่ได้มีการสั่งการให้ชุดปฏิบัติการออกปฏิบัติภารกิจปราบปรามการกระทำความผิดทางทะเล

ทั้งนี้เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ได้รับแจ้งจากกลุ่มเรือชาวประมงในน่านน้ำไทยว่า พบกลุ่มเรือประมงไร้สัญชาติแอบลักลอบลุกล้ำ เข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทยบริเวณรอยต่อประเทศไทยและมาเลเชีย กองกำกับการ ๗ และกองกำกับการ ๒ ของกองบังคับการตำรวจน้ำโดย พันตำรวจเอก ปรเมษฐ โพยนอก ผู้กำกับการ ๗ กองบังคับการตำรวจน้ำพันตำรวจเอกนิรัตน์ ช่วยจิตต์ ผู้กำกับการ ๒ กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้มีคำสั่งการให้ พ.ต.ท.นัฐพงษ์ ตาแก้ว รอง ผกก.๗ บก.รน. จัดชุดสืบสวนหาข่าว และจัดเรือตรวจการณ์ในสังกัดของ กองกำกับการ ๗ พร้อมเรือลิฟท์ลาดตระเวนระยะไกลของกองกำกับการ ๒ กองบังคับการตำรวจน้ำ ออกลาดตระเวน จับกุม ปราบปรามการกระทำความผิดในทะเล

 โดยให้เรือตรวจการณ์หมายเลข ๕๓๑, ๕๒๘- รน.๗๙ ,รน.๕๒ ,เรือ RHIB โดยมี พ.ต.ท.ศรัณย์วิทย์ ระเวช สว.ส.รน.๒ กก.๗ บก.รน..พ.ต.ท.ภราดร สวัสดี สว.ส.รน. ๔ กก.๗ บก.รน..ว่าที่ พ.ต.ต.จิรายุทธ์ แก้วด้วง สว.ส.รน.๓ กก.๙ บก.รน. และ พ.ต.ต.นิวัติ เฉ่งไล่ สว.กก.๒ บก.รน. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการทางทะเล ออกทำการลาดตระเวนในพื้นที่ รับผิดชอบ   กระทั่งเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. ของวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ บริเวณแลตติจูด 0๖ องศา ๔๔ ลิปดาเหนือ ลองติจูด๑๐๒ องศา *๙ ลิปดาตะวันออก ซึ่งอยู่ในทะเลอาณาเขต ตรงกันกับตำบลบางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ห่างจากปากร่องน้ำบางนราไปทางทิศตะวันออกประมาณ ๒๗ ไมล์ทะเล ได้ตรวจเรือประมงสัญชาติเวียดนาม เข้ามาลักลอบทำการประมงในเขตการทำประมงของไทย

และสามารถจับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนามได้จำนวน ๑ ลำ ไม่ปรากฏชื่อ เรือ ซึ่งมีลูกเรือ จำนวน ๖ คน เบื้องต้นชุดจับกุมได้ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมด ในข้อหาร่วมกันทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก.ประมง พ.ศ.๒ ๕๕ ๘ พร้อมด้วย พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒,พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.๒๔๘๒ และ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.๒๔๕๖ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งนี้  พื้นที่ อ่าวไทยภาคใต้ ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลา ปัตตานี จนถึงชายแดนไทย-มาเลเชีย จังหวัดนราธิวาส

ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ กองกำกับการ ๗ กองบังคับการตำรวจน้ำ มีการลักลอบเข้ามาทำการประมงของเรือประมงสัญชาติ เวียดนาม เป็นจำนวนมาก และบ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ซึ่งปัญหาการลักลอบเข้ามาทำการประมงของเรือประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่กองบังคับการตำรวจน้ำตระหนัก และต้องปราบปราม จับกุมอย่างจริงจัง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ของประเทศไทย

 ชาวเรือประมงที่ออกหาปลา.บอกว่า.ช่วงนี้น้ำมันแพง.ออกเรือแต่ละคร้้ง.ก็แทบจะไม่คุ้มกับค่าน้ำมัน แต่ก็ต้องออกไปเพราะเป็นอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวที่สืบทอดกันมา ปลาก็หายาก  ที่หวั่นยิ่งกว่านั้นคือ พวกที่ลุกล้ำอ่าวไทยเข้ามา เราไม่รู้ว่าจุดประสงค์ จะมาหาปลาหรือมาปล้นเรือประมงไทย เลยรีบแจ้งตำรวจน้ำให้ช่วยเหลือ ก่อนจะเกิดเหตุร้ายขึ้น

ตำรวจน้ำเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเลมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน "สัญชาติอื่นนี้ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากร และธรรมชาติของประเทศไทย ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องชาวประมงไทย ซึ่งเป็นอาชีพหลักที่หล่อเลี้ยงต่อประซากรในชาติไทย อีกทั้งเป็นปัญหาระดับโลกในเรื่องการทำการประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่กองบังคับการตำรวจน้ำตระหนัก และต้องปราบปราม จับกุมอย่างจริงจัง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ของประเทศไทย

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร/อัสมา จ.นราธิวาส