เกษตรกรชุมพรร้องกองปราบถูกอดีตส.ส. ตุ๋นลงทุนปลูกกระท่อมสูญ100 ล้าน

เกษตรกรชุมพรร้องกองปราบถูกอดีตส.ส. ตุ๋นลงทุนปลูกกระท่อมสูญ100 ล้าน





ad1

เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565  ที่กองบังคับการปราบปราม นายวชิรพันธ์ นวมสุวรรณ อายุ 41 ปี ชาว จ.ชุมพร พร้อมกลุ่มเกษตรกร จ.ชุมพร ,สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช เข้าพบ พ.ต.ท.สิทธิชัย โสภา รอง ผกก.กก.5 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกอดีต ส.ส.รายหนึ่ง หลอกลงทุนจองโควตาปลูกต้นกล้ากระท่อม เพื่อส่งขายโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง แต่พอถึงกำหนดส่งมอบกลับไม่รับซื้อ และปัดความรับผิดชอบ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย และสูญเงินเป็นจำนวนรวมกันแล้วกว่าร้อยล้านบาท

นายวชิรพันธ์ กล่าวว่า ตนเป็นเกษตรกรอยู่ที่ จ.ชุมพร เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่านหนึ่งประกาศรับซื้อต้นกล้ากระท่อม ขนาดความสูง 5 เซนติเมตร จากกลุ่มเกษตรกร อ้างว่าจะนำส่งขายต่อให้กับโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังเจ้าหนึ่ง รับซื้อต้นละ 30 บาท กำหนดส่งมอบเดือน พ.ค. หากถึงกำหนดแล้วไม่สามารถรับซื้อได้ ก็จะมีการจ่ายค่าดูแลต้นกล้าให้กับกลุ่มเกษตรกรต้นละ 1 บาทต่อเดือน จนกว่าจะมีการรับซื้อ โดยมีข้อแม้ว่าผู้ที่สนใจจะต้องยอมจ่ายเงินค่าจองโควตาก่อนราคาต้นละ 1 บาท

นายวชิรพันธ์ กล่าวต่อว่า ด้วยข้อกำหนดที่สวยหรู ทำให้กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ จ.ชุมพร และ ใกล้เคียง ให้ความสนใจติดต่อทำสัญญาจองโควตา พร้อมกับโอนเงินค่าจองให้กับอดีต ส.ส. คนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถึงกำหนดส่งมอบ กลับไม่มีการรับซื้อต้นกล้า หรือจ่ายเงินค่าดูแลตามที่ตกลงกันไว้ อ้างติดขัดข้อกฎหมายบางอย่าง

และยังแสดงท่าทีบ่ายเบี่ยงปัดความรับผิดชอบ ส่งผลให้พวกตนได้รับความเสียหาย ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากการลงทุนเพาะปลูกเป็นอย่างมาก โดยมีเกษตรกรถูกหลอกให้ลงทุนนับร้อยราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท เฉพาะแค่กลุ่มของตนเองมีประมาณ 20-30 คน เสียหายรวมกันแล้วกว่า 25 ล้านบาท

นายวชิรพันธ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเคยเข้าแจ้งความไว้ตามตำรวจท้องที่ต่างๆ แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ประกอบกับตัวของคู่กรณีเป็นถึงอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจรวมตัวกันเข้าร้องที่กองปราบฯ

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้เสียหาย ไว้เป็นหลักฐานต่างๆ ก่อนเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบความผิดก็จะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป