บุกรวม CEO บริษัทขายฉลากกินแบ่งรัฐบาลทิพย์ ไม่มีฉบับจริง พบเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้าน

บุกรวม CEO บริษัทขายฉลากกินแบ่งรัฐบาลทิพย์ ไม่มีฉบับจริง พบเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้าน





ad1

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค บูรณาการร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ  พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พล.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ., พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ  กก.1 บก.ปคบ. บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ได้ร่วมกันจับกุมบุคคลตามหมายจับของศาลอาญา

จากกรณีที่ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO กองสลากพลัส พร้อมนายศุภชัย ทิพย์สิทธิ์ ทนายความ นำหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2565 กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับบริษัท ดีโชติช่วง กรณีขายสลากกินแบ่งรัฐบาลซ้ำ ไม่มีสลากฉบับ ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ทำการสืบจนทราบถึงผู้กระทำความผิดและได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจำนวน 1 หมาย ในวันที่ 6 ธ.ค.2565 ข้อหาตามหมายจับฐาน “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพบว่า “บริษัทดีโชติช่วง”ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยจำหน่ายผ่านแม่ทีม ซึ่งผู้ซื้อจะต้องซื้อสลากผ่านแม่ทีมที่มีคนแนะนำเท่านั้นถึงจะซื้อได้โดยมีแพคเกตให้เลือกซื้อ 1 ใบ ราคา 80 บาท, 10 ใบราคา 800 บาท และ 20 ใบราคา 1,600 บาท  โดนโอนเงินค่าสลากฯ เข้าบัญชีของบริษัทฯ ตรวจสอบธุรกรรมการเงินโอนเงินมีเงินหมุนเวียนในบริษัทกว่า 30 ล้านบาท และตรวจสอบธุรกรรมเส้นทางการเงินของนายณัฐฯ กรรมการบริษัทฯ พบว่าโอนไปให้ น.ส.มาลัย กว่า 29 ล้านบาท จากการตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ บริษัทดีโชติช่วง นำมาจำหน่ายนั้นพบว่ามีลายน้ำเหมือนกันทุกฉบับ ซึ่งถ้าเป็นสลากฉบับจริงจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นลายน้ำแต่ละฉบับจะไม่เหมือนกัน และฟร้อนท์ตัวหนังสือไม่เหมือนกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดพิมพ์มาแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป

ต่อมาในวันที่ 14 ธ.ค.2565 เวลา 12.30 น.ได้จับกุมนายณัฐ การัณยภาส อายุ 32 ปี บริเวณหน้าวัดพระธาตุซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ดีโชติช่วง จำกัด บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 2745/2565 ลง 6 ธ.ค.2565 ในความผิดฐาน "โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลาดข้อกล่าวหา แต่รับว่าเป็นกรรมการบริษัทดีโชติช่วง ประกอบธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจริง โดยสลากที่นำมาจำหน่าย จะทำการติดต่อซื้อมาจาก น.ส.มาลัย กระแหน ซึ่ง น.ส.มาลัย จะส่งเป์นไฟล์สลากฯมาให้ แต่ไม่มีสลากฉบับจริงมาให้แต่อย่างใด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีต่อไป

วันที่ 16 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ.ร่วม ปอศ.นำหมายค้นศาล ตรวจค้นสถานที่ตั้งบริษัท จำนวน 2 จุดๆ ที่ 1 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจค้นเลขที่ 284 ม.11 ต.หนองบัวบาน อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ  ซึ่งเป็นสถานที่ตั้ง บริษัท ดีโชติช่วง จำกัด ผลการตรวจค้นพบว่ามีลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ เป็นที่พักอาศัยทั่วๆ ไป ไม่พบว่ามีพนักงานของบริษัท หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด
จุดที่ 2 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าตรวจค้นเลขที่ 9 ม.3 ต.นาสนุ่น อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบริษัท ดีโชติช่วง แห่งที่ 2 ผลการตรวจค้นพบว่ามีลักษณะเป็นบ้านปูน 2 ชั้น เป็นที่พักอาศัยทั่วๆ ไป ไม่พบว่ามีพนักงานของบริษัท หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด