สำนักพุทธศาสนาขอนแก่นเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังคลิป "ครูบาไก่"ว่อนเน็ตสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชาย

สำนักพุทธศาสนาขอนแก่นเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังคลิป "ครูบาไก่"ว่อนเน็ตสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชาย





ad1

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กชื่อ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part5.2" แจ้งเรื่องมายังผู้สื่อข่าวว่ามีอดีตโยมอุปัฏากพระเกจิชื่อดังจังหวัดขอนแก่น ส่งภาพของลับผู้ชายที่ระบุว่าเป็นพระเกจิดังกล่าวส่งไปให้ผู้ชายที่คบหากันเป็นแฟน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรและเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย และหากเป็นจริงก็ไม่อยากให้พุทธศาสนาต้องมัวหมอง เพราะพระเกจิดังกล่าวมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศตามข่าวที่นำเสนอไปอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ น.ส.วาสนา เคลือบสูงเนิน อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/38 ม.5 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น หรือคุณอิคคิว ผู้ที่นำเรื่องราวดังกล่าวออกมาเปิดเผยในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งได้นำหลักฐานข้อความแชทต่างๆ ภาพหลักฐานยืนยันว่าบุคคลที่กล่าวหานั้นคือ ครูบาไก่จริงๆ ซึ่งมีทั้งคลิปเสียงสนทนาที่ครูบาไก่พูดคุยเรื่องทั่วไปกับผู้ชาย โดยมีผู้ชายที่คุณอิคคิวรวบรวมหลักฐานส่งข้อมูลให้สื่อฯ มีทั้งหมด 4 คน

นอกจากนี้ยังมีคลิปวีดีโอซึ่งคุณอิคคิวถ่ายเก็บเอาไว้เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 ซึ่งที่ข้อเท้านั้นยังไม่มีการสักลายแต่อย่างใด และมีภาพที่คุณอิคคิวนำมายืนยันกับสื่อมวลชนว่า เข้าไปเป็นโยมอุปฏากเมื่อปี 2564 โดยขณะนั้นที่ข้อเท้ายังไม่มีรอยสัก และต่อมาเป็นอีกภาพที่ถ่ายด้วยกันเมื่อปี 2565 ซึ่งมีลอยสักพญานาคที่ข้อเท้าแล้ว และหลักฐานต่างๆซึ่งเป็นข้อความแชทที่เชื่อได้ว่าเป็นครูบาไก่เป็นคนพิมพ์เอง เนื่องจากมีคลิปเสียงที่ส่งให้ใช้เป็นการสนทนานแทนการพิมพ์อีกจำนวนหลายคลิป

พร้อมกันนี้คุณอิคคิวได้นำของขลัง เครื่องราง รวมทั้งพระเหรียญต่างๆ ที่ครูบาไก่ทำพิธีปลุกเสกขึ้นมาในพิธีสำคัญต่างๆในพื้นที่ ซึ่งนำมาให้ผู้สื่อข่าวดูเป็นจำนวนมาก โดยมูลค่าการซื้อชายในตลาดอยู่ที่เหรียญละพัน และจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามแรงศรัทธาในพิธีปลุกเสกต่างๆ

น.ส.วาสนา กล่าวว่า  ยืนยันสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงและไม่ได้มีความขัดแย้งเรื่องส่วนตัวกับครูบาไก่แต่อย่างใด แต่สิ่งที่ครูบาไก่และลูกศิษย์ที่วัดออกมาพูดนั้นกล่าวหาว่าโกงเงินวัดบ้างทั้งที่เราไปทำบุญเรามีหลักฐานทุกอย่างในการทำบุญ ซึ่งต่างๆที่พูดมานั้นทำให้ตนเองเกิดความเสียหายเสียหาย ก็เลยต้องออกมาปกป้องในสิทธิของตัวเอง และก็เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาด้วย ส่วนในเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมายในเรื่องนี้มีอย่างแน่นอน และจะได้ไปปรึกษาพี่ๆที่เป็นทนายความและผู้รู้กฎหมาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอีกครั้ง

"ในส่วนของเรื่องรอยสักนั้น เป็นรอยสักที่เพิ่งสักเป็นรูปพญานาค โดยสักเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างตนเองมีหลักฐานทั้งคลิปทั้งภาพยืนยันได้ว่าเป็นครูบาไก่ตัวจริงที่ส่งภาพของลับให้กับผู้ชายอักษรย่อ จ. นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอื่นๆที่นำมาเปิดเผยยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง พูดตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจริง มีทั้งข้อความที่ครูบาไก่ยอมรับสารภาพว่าทำจริง เรื่องที่ครูบาไก่ขอโอกาสขอชีวิตใหม่ ทั้งหมดนั้นตนเองมีพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งแชทที่มีการพูดคุยไกล่เกลี่ยปกปิดหลักฐานภาพลับต่างๆจากผู้ชายอักษรย่อ จ. โดยเจรราขอเงินจำนวน 120,000 บาท จากครูบาไก่ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และตอนนี้คิดว่าน่าจะคุยกันได้แล้ว"

ขณะที่ นายเอ (นามสมมุติ) ชาว จ.มหาสารคาม ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของครูบาไก่ เคยไปช่วยขับรถไปกิจนิมนต์ให้ครูบาไก่ กล่าวว่า จำได้แม่นว่าเป็นครูบาไก่ทั้งมือทั้งผิวพรรณ หากใครเคยใกล้ชิดจะรู้ทันทีว่ามือใคร วินาทีแรกที่รู้จากคุณอิคคิว แว๊บแรกหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นพอเห็นหลักฐานต่างๆยิ่งพูดไม่ออก และในส่วนของข้อเท้าที่มีรอยสักรูปพยานาคนั้น ยืนยันว่า เป็นของครูบาไก่ที่เพิ่งสักได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่คบหากับผู้ชายอักษร ย่อ จ. โดยทั้งคู่คบกันประมาณ 2 ปี และหากย้อนนับไปก็จะพอดีกับช่วงที่ครูบาไก่สักข้อเท้า

"ตัวเองที่เคยเลื่อมใสศรัทธาในตัวครูบาไก่เหมือนลูกศิษย์ลูกหาคนอื่นๆ และเคยเข้าไปขับรถพาครูบาไก่ไปรับกิจนิมนต์หลายครั้ง จดจำร่างกายได้ทั้งหมดเพราะด้วยความที่ดูแลใกล้ชิดก็จะมองออกทันทีว่าใช่หรือไม่ใช่ และไม่จำเป็นต้องเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเป็นปีแค่ 3เดือน 6 เดือน หากใครได้อยู่ใกล้ชิดครูบาไก่ก็จะรู้ทันทีว่าเรื่องจริงหรือโกหก ยืนยันอีกครั้งว่าที่พูดาทั้งหมดเป็นควาวมคิดเห็นส่วนตัว และเป็นความเชื่อส่วนตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนเองเชื่อในพยานหลักฐานที่ปรากฎ"

ขณะที่นายติราช  นาถปุญโญฤทธิ์  ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน  หากใครมีข้อมูลก็ขอความร่วมมือให้ช่วยประสานให้ที เพื่อจะใช้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของคณะสงฆ์  มีหลักฐานที่แน่ชัดพอก็จะช่วยทางคณะสงฆ์ดำเนินการได้ดีและง่ายขึ้นซึ่งในการดำเนินข้อมูลนี้ทางสำนักพุทธจะถวายข้อมูลแก่คณะสงฆ์ท่านจะดำเนินการด้วยตัวท่านเอง เนื่องจากว่าคณะะสงฆ์จะมีระบบการปกครองของท่านทั้งเรื่องพระธรรมวินัยและข้อกฎหมายต่างๆ ดังนั้นทางสำนักคณะพุทธถ้ามีข้อมูลต่างๆก็จะสนับสนุนเข้าไป และตอนนี้ทางสำนักพุทธยังไม่ได้มีการลงพื้นที่ไปที่วัด แต่จะเร่งดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแสของสังคม