อดีต สว.-ชาวบ้านร้อง รมว.วัฒนธรรม ‘เจดีย์ภูเขาทอง’ ถูกเปลี่ยนเป็น ‘เชิงเทินสําหรับสังเกตการณ์ของเมือง’

อดีต สว.-ชาวบ้านร้อง รมว.วัฒนธรรม ‘เจดีย์ภูเขาทอง’ ถูกเปลี่ยนเป็น ‘เชิงเทินสําหรับสังเกตการณ์ของเมือง’





ad1

ปราจีนบุรี–อดีต สว.-ชาวบ้านร้อง รมว.วัฒนธรรม ‘เจดีย์ภูเขาทอง’ ถูกเปลี่ยนเป็น ‘เชิงเทินสําหรับสังเกตการณ์ของเมือง’เกรงกระทบประวัติศาสตร์ดั้งเดิม – ความรู้สึกชาวบ้าน

วันนี้ 20 ม.ค.66  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงาน   จากกรณีนายกำพล ภู่มณี อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดปราจีนบุรี (สว.)  และ  ชาวจังหวัดปราจีนบุรี  ได้ส่งหนังสือร้องเรียน  ถึงนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม   เพื่อขอให้พิจารณาแจ้งไปยังกรมศิลปากร   ให้ทบทวนการเปลี่ยนป้ายชื่อ  ‘โบราณสถานหมายเลข 3’ อําเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรีจากของเดิม ‘เจดีย์ภูเขาทอง’ แต่เปลี่ยนมาเป็น ‘เชิงเทินสําหรับสังเกตการณ์ของเมือง’ เนื่องจากเกรงกระทบประวัติศาสตร์ดั้งเดิม – ความรู้สึกชาวบ้าน

ที่เชื่อกันว่าโบราณสถาน  “ภูเขาทอง”  แห่งนี้ เป็นสถูปรูป ตัวโอคว่ำ     “ O ” ที่บรรจุโบราณวัตถุเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา อาทิ พระพุทธรูป – พระบรมสารีริกธาตุ  เนื่องจากบริเวณดังกล่าว ยังไม่ได้มีการขุดสำรวจ ภายใต้เนินดินนี้  ก่อนหน้านั้น ได้มีการขุดพบพระพุทธรูปทองคํา คือ พระนิรันตราย ในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  นั้น

ดร.ภควัต  กิตติธาดาปกรณ์  ครู ชำนาญการพิเศษ  นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น – วัฒนธรรม   กล่าวว่า กรณี ที่กรมศิลปากร  ได้เปลี่ยนแปลงชื่อ‘โบราณสถานหมายเลข 3’ อําเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรีจากของเดิม ‘เจดีย์ภูเขาทอง’ แต่เปลี่ยนมาเป็น ‘เชิงเทินสําหรับสังเกตการณ์ของเมือง’

เรื่องดังกล่าว  นักโบราณคดี ควรได้มีการสอบปากคำของชาวบ้าน  อย่าให้ย้อนแย้งขัดแย้งกับชาวบ้านพื้นถิ่น  อย่าเอาความเป็นวิชาการจ๋า  มาบีบบังคับ   ต้องให้เกียรติคนในพื้นที่ของประชาชนเอง  เขาจะได้เห็นคุณค่า – มูลค่าโบราณสถาน  ดูแล –ล้อมให้โบราณสถานอยู่ยั่งยืน   ให้ชุมชนมีส่วนร่วม

“ภูเขาทอง”  อยู่นอกคูน้ำคันดินด้านตะวันตกของเมืองทวารดี   ลักษณะเป็นเนินดินทรงกลมสูง 10 เมตร วงรอบฐาน 92 เมตร ตรงกลางอัดด้วยดินลูกรัง บริเวณรอบฐานมีเสาศิลาแลงทรงกลมและแปดเหลี่ยม   ส่วนด้านตะวันออกมีบ่อน้ำ 1 บ่อ

ภูเขาทอง   เป็นชื่อที่เรียกขึ้นมาใหม่   เป็นเนินดิน หรือ หอสังเกตการณ์   ใช้ในการดูทิศทางลม ดูดวงดาว ดูเรือ – ดูข้าศึก ดูผู้คนที่จะเข้ามา  ดูสัตว์ร้าย –สัตว์ป่า  อาทิ ช้างป่า   ส่องไฟคบเพลิงขึ้นไว้   ยกเป็นเรือนไม้ในการสังเกตการณ์หรือส่อง   หอป้อมปราการด้านบนโดยรอบทางทิศตะวันตกของเมืองระวังภัย

ส่วนสูงสุดเป็นการสร้างพระนิรัยตราย  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นไว้ในการประดิษฐาน  ขจัดปัดเป่า ภยันอันตรายต่าง ๆ ถือว่าเมืองศรีมโหสถ  วางผังเมืองดีมาก

สำหรับ เมืองมโหสถ (อ. ศรีมโหสถ จ. ปราจีนบุรี) มีอายุระหว่าง พ.ศ. 1000-1700 เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่  อยู่ใกล้อ่าวไทยโบราณ ติดต่อค้าขายทางทะเล ได้รับอารยะธรรมต่าง ๆ ศาสนา , ประเพณีวัฒนธรรม มาจากกับนานาชาติสมัยนั้น เช่น จีน, อินเดีย, ลังกา ฯลฯ

เมืองมโหสถ เป็นชื่อใหม่ที่ชาวพวนเรียกตามชาดกเรื่องพระมโหสถ   คำว่า  ทราวดี  ในนามเดิมคือ  ศิลปะ   มีการพบโบราณสถาน – โบราณวัตถุ   ในแหล่งโบราณคดีเมืองศรีมโหสถ  ทั้งภายในคูเมือง ที่เป็นคูน้ำคันดินรอบตัวเมือง  ที่ขุดลงไปในศิลาแลงธรรมชาติเป็นศิลาแลง ที่มีอยู่เดิม   คาดว่าเป็นเมืองที่อยู่ของกษัตริย์ หรือ พราหมณ์  จำนวนมาก    ทั้ง  เทวรูป พบพระพิฆเณศตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์   สระแก้ว และ สระขวัญ มีเม็ดลูกปัดทวารวดี

หรือ ที่ด้านนอกคูกำแพงเมือง   พบพระพุทธรูป ตามความเชื่อทางศาสนาพุทธ  ที่ได้รับการเผยแพร่มาจากอินเดีย – ลังกา  เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ  เป็นศิลปะ  เมืองศรีมโหสถ   พบโบราณสถาน และ โบราณวัตถุ  เช่น รอยพระพุทธบาทคู่ที่อายุมากกว่า 1,500 ปี ขนาดใหญ่ –เก่าแก่ที่สุด  พระพุทธหลวงพ่อทวารวดี  พระพุทธรูปปางต่าง ๆ   และ   ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศกว่า 2,500 ปี นำหน่อมาจากเมืองพุทธคยา ต้นเดียวกับที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เป็นต้นไม้ต้นเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากร

โดย โบราณสถานส่วนใหญ่อยู่ที่ภายในคูเมือง   และได้รับศาสนา มาจากพราหมณ์-ฮินดู   อาทิ  การค้นพบพระพิฆเนศหินทรายสีขาวพระวิษณุ จตุรพุทธจะเป็น 4 กร   ได้รับวัฒนธรรมมาจากอินเดียน่าจะเดินทางมาทางเรือ ศาสนาฮินดูคาดว่า เป็นพระมหากษัตริย์นับถือ

ส่วนพระพุทธรูป  หรือ โบราณวัตุทางพระพุทธศาสนา  จะค้นพบที่  ด้านรอบนอกคูเมือง จนถึงตำบลโคกไทย  ครั้งหนึ่งศาสนาพุทธเคยเจริญรุ่งเรือง  ในสมัยก่อนเมืองศรีมโหสถ  และมีการนับถือ 2 ศาสนาคือพุทธและพราหมณ์-ฮินดู  

การที่เมืองศรีมโหสถล่มสลาย   อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนถ่ายอำนาจทำให้เมือง ศรีมโหสถ ที่เคยเจริญรุ่งเรืองสมัยก่อนต้องล่มสลาย  ตามหลักที่ว่า  เกิดขึ้น  ตั้งอยู่ และดับไป  โดยเฉพาะสภาพทะเลที่หายไปตามสภาพกายภาพ  

บนความเป็นเมืองประวัติศาสตร์  ศาสนาที่ยาวนานนี้    ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและชาวปราจีนบุรีมาเที่ยวที่ เมืองศรีมโหสถ มีการงานใหญ่ทางพระพุทธศาสนา  คือ งานมาฆบูรมี 15 ค่ำเดือน 3 จัดทุกปี ซึ่งมีรถรางในการนำพาท่องเที่ยวรอบเมือง ศรีมโหสถให้ได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ  ดร.ภควัต  กล่าว

ขณะที่นายกำพล ภู่มณี อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดปราจีนบุรี (สว.)  กล่าวว่า   หลังที่มีการร้องเรียนกรณีดังกล่าว  พบว่านักวิชาการทางโบราณคดีออกมาให้ทรรศนะ จำนวนมาก   พบส่วนใหญ่ออกมาว่า‘โบราณสถานหมายเลข 3’ อําเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรีจากของเดิม ‘เจดีย์ภูเขาทอง’   นั้นน่าจะเป็นโบราณสถานทางพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับแหล่งโบราณคดีอื่น ๆ  เป็นสถูปโดยเฉพาะภายในที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

อยากให้ทางการจัดงบประมาณมาขุด ค้น ไม่ว่าจะเป็นอำเภอก็ดี   หรือ  กรมศิลปากร  ค้นหลักฐานเชิงประจักษ์มาปรากฏให้ชัดเจน   ตนมีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์มีความเห็นสอดคล้องว่า ขุดพบพระหรืออะไรต่างๆ บริเวณแถบนี้คือศาสนสถาน  หรือความรุ่งเรืองของพุทธศาสนา  

จะมีการ ลบล้าง ได้ไหม  หลังกรมศิลฯเขาบอกว่าเขา เป็นทางราชการ จะสืบค้น    แต่เราเป็นชาวบ้าน   เราก็เชื่อมาแบบนี้ว่ามันเป็นเจดีย์-สถูป    ในเมืองศรีมโหสถจะมีเนินหลายๆเนิน    ที่รอขุดค้นพบทางประวัติศาสตร์ เรามีเมืองศรีมโหสถ  มีประวัติศาสตร์มาเป็นพันๆปี    เมืองศรี มโหสถ เป็นเมืองที่ทำให้คนไทย  เราภูมิใจเมืองศรีโหสถ   แต่ยังขาดพระสารีริกธาตุยังหวังว่าอาจจะขุดพบเจอขอให้จัดงบวิจัย-พัฒนาทางแหล่งโบราณคดีนี้ ที่เป็นประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย  นายกำพล กล่าว

มานิตย์   สนับบุญ/ปราจีนบุรี รายงาน