ประมงพื้นบ้านร้องให้รัฐแก้ไขน้ำเค็มจากอ่าวไทยไม่สามรถไหลเข้าอ่าวปัตตานีทำให้เกิดภาวะน้ำจืด

ประมงพื้นบ้านร้องให้รัฐแก้ไขน้ำเค็มจากอ่าวไทยไม่สามรถไหลเข้าอ่าวปัตตานีทำให้เกิดภาวะน้ำจืด





ad1

ปัตตานี-ประมงพื้นบ้านรอบอ่าวปัตตานีเรียกร้องให้รัฐแก้ไขน้ำเค็มจากอ่าวไทยไม่สามรถไหลเข้าอ่าวปัตตานีทำให้เกิดภาวะน้ำจืดแทนที่ส่งผลกระทบต่อประกอบอาชีพประมง ไม่มีสัตว์น้ำทะเลกุ้งปูปลาให้จับ4เดือนมาแล้ว

สภาพน้ำอ่าวปัตตานีเกิดปัญหาวิกฤติครั้งใหญ่จากภาวะน้ำจืดมาแทนอ่าวเกือบทั้งหมด หลังจากมีการเปลี่ยนแปลนกระแสลมของระบบนิเวศน์ของชายฝั่งอ่าวไทยบริเวณปากทางเข้าออกของน้ำเค็มจากอ่าวไทยเข้าสู่อ่าวปัตตานีและการไหลเวียนของน้ำจืดจากอ่าวปัตตานีไหลสู่อ่าวไทย จากภาวะตลื่นซัดชายฝั่งนำเม็ดทรายกองรวมเป็นสันทรายทอดยาวหลายกิโลเมตรจนกลายเป็นแหลมทราบหรือที่เรียกกันติดปากว่าแหลมตาชี ทำให้ปิดทางเข้า-ออก ของน้ำเค็มจากอ่าวไทยและน้ำจืดจากอ่าวปัตตานี ไม่สามารถไหลหมุนเวียนเหมือนในอดีต จนทำให้ครั้งหนึ่งอ่าวปัตตานีมีความอุดมสมบูรณ์สามารถล่อเลี้ยงผู้คนรอบอ่าวนับแสนคน

จากภาวะดังกล่าวมาร่วมนานหลายสิบปีทำให้ทรัพยากรสัตว์น้าในอ่าวปัตตานีทยอยสูญหายจากอ่าวฯหลากหลายชนิดมาแล้วรวมทั้งหอยหลายชนิดที่ได้สูญหายเช่นกัน จนกระทั่งล่าสุดมีการสำรวจพบว่าสาหร่ายผมนางที่เคยเป็นพืชเศรษฐกิจประจำถิ่นเริ่มหายไปแล้วรวมทั้งสาหร่ายผักกาดเริ่มไปเช่นกัน นับเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับอนาคตของอ่าวฯถ้าเกิดปล่อยให้เป็นเช่นนี้

ล่าสุดทีมสื่อได้ลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับตัวแทนชาวประมงในพื้นที่รอบอ่าวปัตตานีที่บ้านบูดี บ้านตะโล๊ะสะมิแล ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จากนั้นนายมะแอ สาและ และนายอูมาร์ ตะโล๊ะสมิแล ได้พาทีมสื่อมาดูสภาพบริเวณคลื่นกัดเซาะชายฝั่งอ่าวไทยที่มีความรุนแรงประจำทุกปี ซึ่งจุดดังกล่าวมีระยะห่างกันระหว่างชายฝั่งอ่าวไทยกับอ่าวปัตตานีเพียง20เมตร เมื่อยื่นบริเวณจุดดังกล่าวก็จะสามารถมองเห็นทั้งสองอ่าวฯอย่างได้ชัดเจน 

ซึ่งบริเวณจุดนี่อาจเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถเปิดให้น้ำเค็มในอ่าวไทยเข้าสู่อ่าวปัตตานีได้ ถ้าหากมีการเปิดให้น้ำอ่าวเค็มไทยเข้ามาสู่อ่าวปัตตานีเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำจืดในอ่าวปัตตานีนั้นก็สามารถทำได้ แต่สุ่มเสี่ยงกับปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะหมู่บ้านอาจตามมาแล้วใครจะรับผิดชอบกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าเปิดให้น้ำเข้าบริเวณจุดนี้ ถึงแม้จุดนี้แต่ก่อนเคยเป็นปากแม่น้ำเข้าออกตามข้อมูลคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฝั่งเมื่อร้อยปีมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่กลายเป็นดินงอกจากการพัดเม็ดทรายของคลื่นทะเลจากกระแสลมช่วงมรสุมเข้าพัดชายฝั่งเป็นประจำทุกปี จนกลายเป็นที่ต่างของชุมชชนตำบลแหลมโพธิ์จนตราบปัจจุบัน

ด้านนางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ภายหลังรับทราบปัญหาน้ำจืดในอ่าวปัตตานีแล้ว เบื้องต้นได้สั่งการให้หน่วยงานรับผิดชอบโดยเฉพาะทรัพยากร ประมงจังหวัดปัตตานีเข้าไปดูเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขต่อไป

นายมะแอ สาและ แกนนำประมงอนุรักษ์พื้นบ้านบ้านบูดี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า4เดือนมาแล้วที่เราชาวประมงอวนลอยกุ้งขาว ในอ่าวปัตตานี เนื่องจากไม่มีสัตว์น้ำให้จับ โดบเฉพาะกุ้งขาวที่เป็นกุ้งตามฤดูกาลที่ชาวประมงจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในรอบปี แต่ปีนี้กลับไม่มีกุ้งให้จับรวมทั้งสัตว์น้ำอื่นๆ เพราะเกิดจากภาวะน้ำจืดยาวมารวม4เดือนมาแล้ว ทำให้ชาวประมงเกิดภาวะขัดสนอย่างรุนแรง เพราะไม่มีรายได้เลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว เพราะพวกเราที่นี่ยึดอาชีพทำประมงอวนลอยมาแต่เด็ก หนุ่ม จนแก่เฒ่าเป็นอาชีพ เมื่อพวกเราไม่สามารถทำประมงพวกเราจะเอาได้มาจากไหนเลี้ยงชีพ จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาให้น้ำเค็มจากอ่าวไหลเข้าอ่าวปัตตานีแรงเหมือนเดิม พวกเราจะได้มีอาชีพประมงลอยอวนกุ้งอย่างยั่งยืนถึงลูกหลานต่อไป

ด้านนายเจ๊ะและ บานา ชาวประมงพื้นบ้านกลุ่มประมงอนุรักษ์บานา อ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่าตลอดชีวิตมาตั้งแต่เด็กจนแก่เฒ่า ไม่เคยพบเห็นกับชีวิตว่าทำประมงลอยอวนกุ้งในอ่านที่ผ่านมาซึ่งอวนมีความยาวร้อยกว่าเมตร แต่กลับได้กุ้งขาวมา5 ตัว เมื่อลงไปในน้ำพบว่าน้ำจืดน้ำข้างล่างเย็นมาก เหมือนกับว่าอ่าวกำลังมีปัญหา ถ้าไม่รีบแก้ไขเราชาวประมงเดือดร้อนแน่ จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยมาดูหน่อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข