"ตรีนุช”รมว.ศธ.รุดเยี่ยม นร.ไฟไหม้ที่รพ.ศรีนครินทร์ ย้ำ ต้องไม่เกิดเหตุซ้ำอีก

"ตรีนุช”รมว.ศธ.รุดเยี่ยม นร.ไฟไหม้ที่รพ.ศรีนครินทร์ ย้ำ ต้องไม่เกิดเหตุซ้ำอีก





ad1

ขอนแก่น-"ตรีนุช”รมว.ศธ.รุดเยี่ยม นร.ไฟไหม้ ย้ำ ต้องไม่เกิดเหตุซ้ำอีก ด้านเลขาเผย คณะกรรมการกำลังสรุปข้อมูลการเกิดเหตุ ส่วนแม่ดีใจมีกำลังใจดีขึ้นมาก หลังการรักษาดีขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 ก.พ.2566 ที่หอผู้ป่วยไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รพ.ศรีนครินทร์ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการพร้อมด้วย นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)และคณะร่วมกันเข้าพบแพทย์ผู้ทำการรักษาและเยี่ยมดูอาการของ น้องคิว  นักเรียนชั้น ม.2 วัย 14 ปี ชาว จ.หนองบัวลำภู ที่ถูกไฟไหม้ขณะเข้าค่ายลูกเสือที่โรงเรียนสังข์วิทยาคาร อ.โนนสังข์ จ.หนองบัวลำภู  และบาดเจ็บตามร่างกายอาการเจ็บสาหัส ขณะเข้าค่ายที่โรงเรียน ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2566 หรือวันศุกร์ที่ผ่านมา และถูกส่งตัวมารักษาอาการบาดเจ็บที่รพ.ศรีนครินทร์

การเข้าเยี่ยมผู้ป่วยภายในห้องผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องปลอดเชื้อ ที่มีกระจกกั้นเอาไว้ แพทย์ผู้ทำการรักษา รายงานว่าน้องมีแผลไฟไหม้ประมาณ 45% ของพื้นที่ผิวกาย และไม่ได้มีแผล90% อาการตอนนี้คงที่ เรียกว่าดีขึ้นตามลำดับ สำหรับคนไข้ที่เป็นแผลไฟไหม้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการรักษาตัวอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งลักษณะบาดแผลไม่ได้ลึกมาก เป็นบาดแผลระดับ2 ทั้งหมดน่าจะหายเองได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อแทรกซ้อน อาจจะมีแค่บางส่วนนิดหน่อย ที่ต้องดูแล

น.ส. ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  กล่าวว่า ทราบข่าวน้องนักเรียนถูกไฟไหม้จากการเข้าค่าย  จึงนำผู้บริหารกระทรวงลงมาให้กำลังใจคุณแม่ แล้วก็มาให้ความช่วยเหลือ โดยมีการประสานงานกับครอบครัวนักเรียนที่บาดเจ็บทั้ง 5 ครอบครัวแล้ว ส่วนการรักษาน้องคิวนั้น น้องเจ็บในเรื่องของร่างกายประมาณ 45% ซึ่งอวัยวะภายในก็ปลอดภัยดี เปลี่ยนเป็นแค่แผลภายนอก

“กระทรวงศึกษาธิการจะให้การดูแลครอบครัวน้อง จนกระทั่งน้องสามารถกลับไปสู่ระบบการศึกษาได้ปกติ ออกจากโรงเรียนแล้วก็ฟื้นฟูอยู่ที่บ้าน ขณะนี้ได้ไปประสานงานให้ครอบครัวสบายใจ น้องสามารถกลับมาเรียนได้ปกติ”

รมว.ศึกษาธิการ  กล่าวต่ออีกว่า นอกจากมาให้กำลังใจคุณแม่แล้ว และต้องดูแลครอบครัวของผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย นอกจากนี้ช่วงบ่ายก็จะพบปะกับผู้บริหารสถานศึกษาและผอ.เขตหนองบัวลำภู ผอ.โรงเรียน เพื่อจะได้สรุปข้อเท็จจริง เพราะเราให้ความสำคัญในเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้มีการเล่นในเรื่องของความปลอดภัย เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เมื่อเกิดขึ้นแล้ว อาจจะเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคุณครู อย่างไรก็แล้วแต่ มาตรการหลังจากเกิดเหตุการณ์แล้วการเข้ามาช่วยเหลือหรือการดูแล ก็ต้องรวดเร็วและก็สามารถที่จะไม่ให้เหตุการณ์นั้นรุนแรงไปมากกว่านี้ และยังต้องมากำชับกับเขตพื้นที่กับโรงเรียนให้ชัดเจน

ด้าน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)กล่าวว่า จริงๆเรื่องนี้เป็นกิจกรรม ลูกเสือเข้าค่ายลูกเสือ ที่มันเป็นเรื่องปกติในการจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ ในวิชาลูกเสือ เหตุที่เกิดขึ้นคือในการทำรอบกองไฟ ได้มีการจุดไฟแล้วบังเอิญว่าไฟที่มาจุดเป็นน้ำมันไม่ใช่เบนซิน และเมื่อสืบข้อเท็จจริงแล้วเป็นน้ำมันโซล่าที่ใส่ไว้ตั้งแต่กลางวัน ถึงช่วงเวลาจะจุดไฟ ไฟมันไม่ติด ก็เลยไปเอาแอลกอฮอล์มาจุด ไฟที่ลุกไหม้เกิดจากการจุดแอลกอฮอล์

“เหตุเกิดครั้งนี้ ก็อาจจะไม่ระวังพอ ทำให้เกิดปัญหาข้อผิดพลาดขึ้น อันนี้คือข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามในระบบลูกเสือสมัยใหม่ ก็ไม่ได้เน้นในการที่จะเผาไหม้เพราะเราต้องรณรงค์ เราต้องการให้ใช้ไฟเทียม อันนี้เราก็กำลังหามาตรการ และจะแจ้งให้ทางโรงเรียนปฏิบัติตาม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการที่จะสรุปอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ และตีความว่าจงใจหรือเจตนาหรือไม่ จากนั้นจึงสรุปในเหตุการณ์ทั้งหมดได้”

ขณะที่ นางเสาร์  ไชยยะ อายุ40 ปี มารดาของน้องคิว  กล่าวว่า  ดีใจทุกฝ่ายให้ความช่วยเหลือและตอบรับที่จะช่วยเหลือลูกเราในระยะยาว ตอนนี้ก็ดีใจมีกำลังใจดีขึ้นดีขึ้นกว่าวันแรกเยอะๆมาก วันแรกหัวอกคนก็เป็นแม่ เห็นลูกร้องให้ช่วย แต่เราช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเราไม่รู้จะทำอย่างไร ขณะนี้หมอกำลังพิจารณาถอดท่อออกซิเจน โดยต้องดูว่าน้องหายใจเองหรือไม่