“แรมโบ้”รับไม่ได้“เศรษฐา”นั่งกินข้าวรับฟังความเห็นชาวนาจริงใจหรือประโยชน์การเมืองกันแน่

“แรมโบ้”รับไม่ได้“เศรษฐา”นั่งกินข้าวรับฟังความเห็นชาวนาจริงใจหรือประโยชน์การเมืองกันแน่





ad1

นครราชสีมา-“แรมโบ้” ตอกกลับ “เศรษฐา” ไปกินข้าว รับฟังความเห็นชาวนา จริงใจหรือประโยชน์การเมืองกันแน่ ย้ำนโยบายช่วยชาวนาของรัฐบาล มุ่งสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้เพิ่ม ไม่เหมือนนโยบายโกงจำนำข้าว เตือนนักธุรกิจที่เข้ามาบริหารประเทศ ให้ดูชะตากรรมนายทักษิณ ยิ่งลักษณ์เป็นบทเรียนสอนใจ

(11 มีนาคม 2566) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ฟังปัญหาชาวนาวิจารณ์ 8 ปีอยู่ในหลุมดำรายได้ต่ำ ราคาข้าวไม่ดี มีแต่น้ำท่วม-แล้ง โดยนายเสกสกลฯ ยืนยันว่า “ที่ผ่านมารัฐบาล นายกฯ ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับเกษตรกรและชาวนามาโดยตลอด และมีหลายนโยบายออกมาให้ความช่วยเหลือ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้เพียงพอและอยู่ดีมีสุข และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งทำควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันการส่งออกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการชี้แจงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดปี 2565 การส่งออกทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน มีผู้ส่งออกขอใบอนุญาตส่งออกแล้ว 8.58 ล้านตัน และคาดการณ์ปี 2566 ปริมาณการส่งออกจะสูงกว่าปี 65 แน่นอน  นโยบายการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ฯ นั้น นายเศรษฐาฯ อาจจะมองว่าไม่หวือหวาหรือช่วยชาวนาให้อยู่ดีกินดีได้ทันที แต่เป็นนโยบายที่สร้างความมั่นคงให้กับชาวนาได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าการผลิต โครงการข้าวรักษ์โลกBCG ที่เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นที่ถูกใจของชาวนามาก ไม่เหมือนกับนโยบายโกงจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่สร้างปัญหาส่งผลให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ฯ ต้องเข้ามาแก้ไขตามใช้หนี้จนทุกวันนี้ยังไม่หมด อีกทั้งนโยบายโกงจำนำข้าวของเพื่อไทยนี้ ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวนาเป็นอย่างมาก ผูกคอตายไปหลายคน ครอบครัวเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดา นี่คือผลงานของเพื่อไทยมิใช่หรือ

และการที่นายเศรษฐา ฯ นักธุรกิจอสังหาฯ  ผันตัวเองมาเล่นการเมือง ไปลงพื้นที่รับฟังเสียงชาวนา กินข้าวกับชาวนานั้น ถามกลับว่า อยากรับฟัง-อยากกินข้าวร่วมกับชาวนาจริงหรือไม่ หรือแค่ทำเพื่อไปหาเสียงเท่านั้น ทั้งนี้ชาวนาเขาก็รู้ว่า ใครมีความจริงใจหรือเพื่อประโยชน์ทางการเมือง อย่าคิดว่าการเป็นนักธุรกิจที่ค้าความร่ำรวยจากลูกค้าประชาชน จนเป็นเศรษฐี จะก้าวมาบริหารประเทศให้ประสบผลสำเร็จได้ มันคนละเรื่องกัน ส่วนใหญ่นักธุรกิจจะมองแต่ผลประโยชน์ของบริษัทและครอบครัวตนเอง ไม่เชื่อลองไปถาม นายทักษิฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ  ผลลัพธ์สุดท้ายชะตาชีวิตจบลงอย่างไม่สวยงาม ก่อนที่นายเศรษฐาฯ จะตัดสินใจเล่นการเมือง ไม่ลองปรึกษาหารือทั้งสองคนนั้นก่อนจะดีกว่าไหม ทำไมไม่เอาบทเรียนของนายทักษิณฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ มาเตือนใจก่อนที่จะพบชะตากรรมเดียวกัน เดี๋ยวจะหาว่า ดร.เสกสกลไม่เตือน” นายเสกสกลฯ กล่าว .

โดย...ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา