อุกอาจ!คนร้ายดักอุ้มหน้าร้านอาหารย่านเอกมัย รีดค่าไถ่ 3 ล้าน

อุกอาจ!คนร้ายดักอุ้มหน้าร้านอาหารย่านเอกมัย รีดค่าไถ่ 3 ล้าน





ad1

สาวสัญชาติจีน เป็นนักท่องเที่ยว และนักศึกษา ระดับชั้นปริญญาโท อายุ 23 ปี  เข้าแจ้งความที่สน.ทองหล่อ ว่า ถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชาย อุ้มขึ้นรถตู้อัลพาร์ด สีดำ ขณะเดินออกจากร้านอาหารย่านเอกมัย เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลาประมาณ 20.00 น.

ผู้เสียหาย แจ้งว่า หลังจากดึงตัวขึ้นไปบนรถตู้ ถูกปิดตา มัดมือ ปิดปาก ส่วนรถวิ่งไปบนถนน โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง ระหว่างที่อยู่บนรถ กลุ่มคนร้ายได้มีการข่มขู่ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย พร้อมกับบังคับให้โอนคริปโตสกุล USDT จำนวน 200,000 USDT แต่ทางผู้เสียหายได้ตกลงโอนคริปโตให้ 8,000 กว่า USDT และโอนเงินสดให้ประมาณ 250,000 หยวน ซึ่งเงินสดดังกล่าว เป็นเงินของญาติชาวจีน

ต่อมาเช้าวันที่ 17 มี.ค. คนร้ายได้ให้ผู้เสียหายติดต่อกับแฟนหนุ่ม เพื่อให้โอนเงินให้กลุ่มคนร้ายโดยทางแฟนหนุ่มได้ได้โอนเงินคริปโตอีก 50,000 USDT เข้ามายังแอพพลิเคชัน imtoken ซึ่งเป็นบัญชีของผู้เสียหาย เมื่อเงินเข้าบัญชีแล้ว กลุ่มคนร้ายได้นำโทรศัพท์มือถือไปดำเนินการโอนเงินต่อโดยไม่ทราบว่าบัญชีปลายทางเป็นบัญชีใด

จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ลบแอพ imtoken ของผู้เสียหายไป พร้อมกับลบรูป และข้อความแช็ตในแอพ Wechat ทั้งหมด ที่มีการสนทนาระหว่างผู้เสียหายกับญาติ ก่อนที่จะพาผู้เสียหายไปปล่อยทิ้งบริเวณลานหน้าบ้าน แห่งหนึ่งย่านมีนบุรี โดยบริเวณดังกล่าวตรวจสอบแล้วไม่มีกล้องวงจรปิด ทันทีที่ผู้เสียหายเดินทางกลับที่พักคอนโดฯ ย่านอโศก ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ทองหล่อ ให้ช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

ขณะที่ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ เข้าตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ จากเต็นท์รถเช่าแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ภายหลังสืบทราบว่า กลุ่มคนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิด โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ทรัพย์สินเป็นเงินสกุลหยวนและสกุลเงินดิจิตอลคริปโตเคอร์เรนซี รวมเป็นสกุลเงินไทยกว่า 3.3 ล้านบาท

ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณร้านอาหารจุดเกิดเหตุตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูล พบภาพน.ส.แนนซี่ และน.ส.หลินปิง ขึ้นรถยนต์ของกลางไปจริง โดยน.ส.แนนซี่ ถูกคนร้ายใช้กรรไกรจี้ และใช้ผ้าผูกตาตรงตามคำให้การ ส่วนน.ส.หลินปิง เดินขึ้นรถไปเฉยๆ ลักษณะคล้ายมีการวางแผนรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายมาก่อน

จากการตรวจสอบที่มาของรถของกลางคันดังกล่าว ทำสัญญาเช่าไว้กับเต็นท์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15-17 มี.ค. ในราคาวันละ 5,000 บาท โดยรถถูกส่งคืนเต็นท์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ตามสัญญาปกติ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้เชิญเจ้าของเต็นท์รถมาสอบปากคำ แต่ไม่พบข้อพิรุธแต่อย่างใดและเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์

โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวน.ส.หลินปิง และผู้ต้องสงสัยชายชาวจีนอีก 2 ราย มาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งล่าสุดพบว่าผู้ต้องสงสัยทั้งชายและหญิง รวม 3 ราย น่าจะยังอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการประสานข้อมูลกับทาง สตม. และยังไม่พบว่าทั้งหมดเดินทางออกนอกราชอาณาจักร