สำนักวิจัยแห่งชาติลงพื้นที่“อ่าวปัตตานี”เร่งยกระดับเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ตอบโจทย์เศรษฐกิจ BCG

สำนักวิจัยแห่งชาติลงพื้นที่“อ่าวปัตตานี”เร่งยกระดับเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ตอบโจทย์เศรษฐกิจ BCG





ad1

ปัตตานี-สำนักวิจัยแห่งชาติลงพื้นที่“อ่าวปัตตานี” เพื่อรับทราบความคืบหน้าของการทำวิจัย ทั้งนี้เพื่อยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ตอบโจทย์เศรษฐกิจ BCG

วันนี้(20 มี.ค.66)สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงพื้นที่อ่าวปัตตานี จังหวัดปัตตานี นำโดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะผู้ทรงคุณวุฒิ และสื่อมวลชนในพื้นที่และส่วนกลาวง เพื่อเยี่ยมชมผลการดำเนินงานโครงการ “การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตฐานรากชุมชนชายฝั่ง โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย : กรณีศึกษาอ่าวปัตตานี จังหวัดปัตตานี” โดย รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม และคณะของ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย จาก สำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยคณะได้ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือน้ำลึกปัตตานี เพื่อชมสภาพของอ่าวปัตตานีในมุมกว้างก่อนรับฟังการบรรยายสรุปความคืบหน้าของงานวิจัยอ่าวปัตตานี

ภายในห้องประชุมท่าเที่ยบเรือน้ำลึกปัตตานี มีตัวแทนในพื้นที่ทำวิจัย มีคณะทีมทำวิจัยร่วมกันแสดงความคืบหน้าด้านงานวิจัย จากนั้นคณะได้เยี่ยใชมสัมภัสกับวิถีการทำนาเกลือปัตตานีที่มีเอกลักษณ์เฉพะพื้นที่ที่เรียกกันว่า”ปัตตานีเกลือหวาน” ตั้งอยู่ ม.9 บ้าแหลมนก ต.บานา จากนั้นคณะได้เดินทางต่อที่สะพานไม้บานา เพื่อร่วมเวทีเสวนาและร่วมรับฟังเรื่อง”อ่าวปัตตานี”จากตัวแทนประมงพื้นบ้านรอบอ่าวปัตตานี มีการร่วมสะท้อนปัญหาและทางออกของอ่าวปัตตานีจากการทำวิจัยที่ผ่านมา เพื่อการต่อยอดในการศึกษาวิจัยเพื่อการพัฒนาและยกระดับประมงรอบอ่าวปัตตานีในอนาคตอย่างยั่นยืนต่อไป เช่นการศึกษาวิจัยกรณีน้ำจืดในอ่าวฯ การทำให้น้ำเค็มกลับมาเหมือนครั้งในอดีตมีวิธีทางออกดีที่สุดนั้นคือแนวทางไหนได้บ้าง การนำสันทรายมราปลายอหลมออกมันใช่ทางออกหรือไม่อย่างไร จึงมอบหมายให้ทีมวิจัยไปทำต่อ นอกจากนั้นคณะเห็นด้วยที่จะมีการพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างเป็นที่รวบรวมชิ้นส่วนโบราณวัตถุที่พบเจอในท้องอ่าวฯที่บ่งบอกถึงการเป็นเมืองท่าของปัตตานีในอดีตที่เคยมีเรือต่างชาติเข้ามาค้าขาย อาจกลายเป็นทีน่าสนวจให้กับนักท่องเที่ยวในอนาคตได้

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง กล่าวว่า สำนักงานวิจัยแห่งชาติ(วช.)ในฐานะหน่วยงานบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม มุ่งสนับสนุนและขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อตอบโจทย์ประเด็นสำคัญและเร่งด่วนของประเทศ ทั้งในมิติวิชาการ นโยบาย ชุมชนสังคม และพาณิชย์ ซึ่งในครั้งนี้ วช. ได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับ แผนงานวิจัย “การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตฐานรากชุมชนชายฝั่ง โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย : กรณีศึกษาอ่าวปัตตานี จังหวัดปัตตานี” เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและ ทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งในพื้นที่อ่าวปัตตานี ที่ส่งผลกระทบถึงรายได้ และการดำรงชีพทางด้านต่าง ๆ ของประชาชน

รศ.ดร. ซุกรี หะยีสาแม กล่าวว่า อ่าวปัตตานี ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองปัตตานี และ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นอ่าวที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นฐานการดำรงชีวิตที่มีความสำคัญของชุมชนชาวปัตตานีอย่างแท้จริง ในช่วงที่ผ่านมาอ่าวปัตตานีประสบกับภาวะเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและ ทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งในพื้นที่อ่าวปัตตานีอันเนื่องมาจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ขาดการควบคุม มีการ ขยายตัวของชุมชนเมือง เกษตรกรรม อุตสาหกรรม บนฝั่งแม่น้ำและบริเวณอ่าวปัตตานี การขยายตัวของพื้นที่นากุ้ง เป็นผลให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ป่าชายเลน รวมถึงป่าต้นน้ำถูกบุกรุกแผ้วถางและบางแห่ง มีสภาพ เสื่อมโทรม ส่งผลต่อความตื้นเขินของอ่าว การกัดเซาะชายฝั่ง คุณภาพน้ำเสื่อมโทรม และที่สำคัญ มีการประมงเชิงพาณิชย์ที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย ชาวประมงพื้นบ้านต้องสูญเสียแหล่งผลิตอาหารเพื่อยังชีพ มีการอพยพทิ้งถิ่นอาศัยเพื่อหางานทำในพื้นที่อื่น ทำให้ชาวบ้านประสบกับปัญหาความยากจนและเกิด ปัญหาด้านต่างๆ เป็นลูกโซ่ตามมา

คณะนักวิจัย จึงดำเนินการระดมความคิดเห็น และเก็บข้อมูล ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้านการฟื้นฟูและปรับปรุงอ่าวปัตตานี สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและพื้นที่จังหวัดปัตตานี ดำเนินการร่างแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศอ่าวปัตตานี พ.ศ. 2558 – 2562 ขึ้น แต่การนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปใช้ให้เป็นรูปธรรมในพื้นที่สามารถทำได้น้อย เพราะส่วนใหญ่การดำเนินงาน เป็นการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน จึงทำให้สภาพปัญหาสำคัญและแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมยังคงได้รับการแก้ไขปัญหาได้ไม่มากนัก และแทบจะไม่มีแนวทาง รูปแบบและวิธีการใหม่ที่เป็นแผนแม่บท เพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพความเป็นอยู่ชุมชนโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและสังคมจะยิ่งเกิดความเดือดร้อนและยากลำบาก และในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศได้

จากปัญหาดังกล่าว ทำให้คณะนักวิจัยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงเริ่มศึกษาวิจัยจัดทำแผนแม่บทในลักษณะของการชี้แนวทางการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสใหม่สำหรับชุมชนรอบอ่าวปัตตานีที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ใช้ทรัพยากรรอบอ่าวปัตตานีเป็นพื้นฐาน ในโครงการ “การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตฐานรากชุมชนชายฝั่ง โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย : กรณีศึกษาอ่าวปัตตานี จังหวัดปัตตานี” มีโครงการตามแผนการดำเนินงาน จำนวน 3 โครงการ ได้แก่

1) ข้อมูลพื้นฐานด้านลักษณะทางภูมิศาสตร์ สมุทรศาสตร์ ทรัพยากรชีวภาพที่สำคัญ ประเด็นข้อกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง และรูปแบบการใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของอ่าวปัตตานี มีความจำเป็นต่อการกำหนดแผนแม่บทการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตฐานรากชุมชนชายฝั่งรอบอ่าวปัตตานี 2) การพัฒนาต้นแบบในการยกระดับการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอ่าวปัตตานีด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตฐานรากชุมชนชายฝั่ง เช่น ด้านการประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การท่องเที่ยว และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จการพัฒนาแผนแม่บทและการนำไปประยุกต์ใช้และ 3) การจัดทำแม่บทการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตฐานรากชุมชนชายฝั่งรอบอ่าวปัตตานีที่จัดทำขึ้น เพื่อจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการอ่าวปัตตานีเพื่อใช้ประโยชน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตฐานรากชุมชนชายฝั่งรอบอ่าวปัตตานี

ทั้งนี้ อ่าวปัตตานี ถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของชาวปัตตานี ที่มีคุณค่าและมีเอกลักษณ์เฉพาะในเชิงความหลากหลายทางชีวภาพและอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพสูงมาก จึงทำให้พื้นที่นี้เป็นแหล่งสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจสำคัญของชุมชนรอบอ่าวและอุตสาหกรรมประมงจังหวัดปัตตานี อีกด้วย