ชายวัย 76 คลั่งบุกทำร้ายน้องสาวยอมมอบตัวอ้างเครียดปมมรดก กลัวพี่น้องแย่ง

ชายวัย 76 คลั่งบุกทำร้ายน้องสาวยอมมอบตัวอ้างเครียดปมมรดก กลัวพี่น้องแย่ง





ad1

มอบตัวแล้ว ชายคลั่งวัย 76 หลังตร.เข้าปิดล้อม เผยเครียดปมมรดก กลัวพี่น้องแย่ง ผู้การฯ5 ยันไม่ได้เป็นทหาร แต่เคยทำงานด้านรักษาความปลอดภัยของเอกชน

ตำรวจ สน.บางโพงพาง และกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู นำกำลังเข้าตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือ หลังได้รับแจ้งมีคนถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ในบ้านพักหลังหนึ่ง ภายในซอยจันทร์23 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้ก่อเหตุยืนถือปืนอยู่หน้าบ้าน เดินไปมาไม่ยอมให้กู้ภัย เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

เจ้าหน้าที่พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุ แต่ไม่เป็นผล ผู้ก่อเหตุยังเดินถืออาวูธปืนวนไปวนมา ลักษณะมีอาการเครียด บางครั้งถืออาวุธปืนมาจ่อที่ตัวเอง ต่อมาเวลา 13.24 น. ผู้ก่อเหตุยอมให้กู้ภัยนำตัวผู้บาดเจ็บออกมาได้ ส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมวางอาวุธปืน

ซึ่งในระหว่างที่มีการเจรจา ผู้ก่อเหตุได้ขอว่าอยากพูดคุยกับสื่อมวลชน ตำรวจจึงให้สื่อเป็นตัวแทนเข้าไปพูดคุย เจ้าตัวได้ระบายเพียงสั้นๆว่า ตนเองกลัวพี่ๆน้องๆจะโกงแย่งสมบัติ เนื่องจากผู้ก่อยังมีอาวุธปืนเหน็บอยู่ด้านหลังเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ตำรวจจึงกันผู้สื่อข่าวออกจากพื้นที่ ซึ่งในระหว่างที่พูดคุยกับผู้สื่อข่าวไม่ได้มีอาการเครียด ยิ้มแย้ม ลักษระอยากระบายให้ใครฟัง ซึ่งตรงกับน้องชายเปิดเผยว่า พี่ชายไม่ได้ป่วย หรือมีอาการจิตเวชมาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

ต่อมาดาบตำรวจปราวิน แสงจันทร์ ผบ.หมู่ บก.สปพ. ซึ่งถึงที่เกิดเหตุเป็นชุดแรก และเข้าเจรจากับผู้ก่อเกตุ ได้เปิดเผยเบี้ยงต้นว่า ผู้ก่อเหตุมีอายุมากแล้ว ก่อเหตุยิง น้องสาวจำนวน1นัด เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกันเรื่องทรัพย์สิน

ซึ่งหลังก่อเหตุที่ลงมือยิงน้องสาวบาดเจ็บ ผู้ก่อเหตุได้ขังตัวหลานสาว ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ทะเลาะกันไว้บนบ้านชั้น2 ก่อนจะปล่อยตัวออกมาให้ช่วยดูน้องสาว ซึ่งเป็นแม่ของหลานสาวที่นอนบาดเจ็บอยู่ ทั้งนี้หลังจากที่ผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว ตำรวจได้เข้าเจรจาอีกครั้ง จนผู้ก่อเหตุยอมเก็บปืนและเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการพูดคุย จนผู้ก่อเหตุมีท่าทีสงบลงก่อนมอบตัว

ด้านพล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เบื้องต้นมีหญิงบาดเจ็บ 1 คน ส่งรักษาที่รพ. อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว พร้อมรายงาน ผบ.ตร.และ ผบช.น.ทราบ และสั่งกำชับให้ดูแลสถานการณ์ให้ดี ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าตัวก็มีอาการสงบลง ไม่ถือปืนแล้ว แต่ยังเก็บไว้กับตัว ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าชาร์จจับกุม เพราะไม่มีคนอยู่ในพื้นที่แล้ว จึงเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนยอมมอบปืนให้ตำรวจ

จากการสอบถามผู้ก่อเหตุ ทราบว่าเจ้าตัวมีอายุ 76 ปี มีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว และอาศัยอยู่ที่อื่น แต่พกพาปืนมาก่อเหตุที่นี่ ส่วนแรงจูงใจการก่อเหตุ เจ้าตัวบอกว่าจากความเครียดที่ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจัดการมรดก ซึ่งครอบครัวมีญาติพี่น้องร่วม 8 คน ยังมีชีวิตอยู่ 5 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย ก่อนเจ้าตัวมาพูดคุยถึงที่บ้านแล้วตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งกำลังสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง โดยผู้ก่อเหตุเคยทำงานด้านรักษาความปลอดภัยของเอกชน

ทำให้พอมีความชำนาญด้านการใช้อาวุธปืนบ้าง แต่ไม่ได้เป็นทหาร และเลิกทำแล้วเพราะมีอายุมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหานั้น เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานพยายามฆ่า และความผิดตาม พ.ร.บ.ปืน แต่ต้องตรวจสอบพฤติกรรมการก่อเหตุพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะยิงปืนมากกว่า 1 นัด จากนี้จะคุมตัวไปสอบปากคำอย่างละเอียด ที่ สน.บางโพงพาง พร้อมตรวจร่างกายหาสารเสพติดต่อไป