ตํารวจสอบสวนกลางตามรวบหนุ่มใหญ่หลอกขายพระเก๊ หนีกบด่านอยู่เกาะ จ.กระบี่

ตํารวจสอบสวนกลางตามรวบหนุ่มใหญ่หลอกขายพระเก๊ หนีกบด่านอยู่เกาะ จ.กระบี่





ad1

กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันจับกุม นายภราดรฯ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุงที่ จ 211/2566 ลง วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์”

สถานที่จับกุม หน้าร้านถ่ายรูป ในพื้นที่ ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ พฤติการณ์ ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ “พระใต้ สายตรง” ซง่ึ ในกลุ่ม จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขาย หรือให้ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องสายใต้เป็นส่วนใหญ่ โดยกลุ่มดังกล่าวมี สมาชิกกว่า 1,000 คน

ต่อมาประมาณเดือนกันยายน ปี 2564 ผู้เสียหายได้ทําการติดต่อซื้อขายพระเครื่องจากนายภราดรฯ ผู้ต้องหา ซึ่งได้การประกาศขายในกลุ่มดังกล่าวและมีการรับประกันว่าพระเครื่องที่ผู้ต้องหาขายนั้นเป็นพระ แท้หากไม่แท้ยินดีคืนเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงตกลงซื้อขายและโอนเงินจํานวนเงิน 15,000 บาท หลังจากนั้น นายภราดรฯ จึงส่งพระเครื่องดังกล่าวไปให้ผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายได้รับแล้วปรากฏว่าพระเครื่องที่ได้รับนั้น เป็นพระเก๊ จึงติดต่อนายภราดรฯ เพื่อขอคืนเงินจํานวนดังกล่าวคืน แต่นายภราดรฯ ผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยงมา ตลอดจนบล๊อกเฟซบุ๊กหนีไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับสอบสวน สภ.นาขยาด จ.พัทลุง ต่อมาศาลจังหวัดพัทลุงได้อนุมัติหมายจับนายภราดร ว่องไวยุทธ์ ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์” ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุงที่ จ 211/2566 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2566

จากการสืบสวนยังพบว่าผู้ต้องหายังมีพฤติกรรมหลอกขายพระเก๊ให้กับสมาชิกในกลุ่มมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งเมื่อมีการโอนเงินแล้วไม่ส่งพระให้กับลูกค้า บางครั้งพระเครื่องที่ส่งไปไม่ตรงปก กับที่ประกาศขาย

เมื่อผู้เสียหายติดต่อเพื่อขอเงินคืนกลับบล๊อกเฟซบุ๊กหนี พบว่ามีผู้เสียหายจํานวนหลายรายที่ถูกผู้ต้องหา กระทําในลักษณะเช่นนี้ แต่เนื่องจากมีราคาไม่สูงมากจึงไม่อยากยุ่งยากในการติดตามหรือแจ้งความใดๆ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตํารวจกองกํากับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้ทําการสืบสวนติดตามจนกระทั่ง ได้เบาะแสว่า นายภราดรฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ ตํารวจ จึงได้วางแผนนํากําลังลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่านายภราดรฯได้หนีมากบดานอยู่กับแฟนสาวที่ ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ซึ่งแฟนสาวเปิดเป็นร้านเสริมสวย และผู้ต้องหาไม่ได้คบหาสมาคมกับผู้ใด เป็นพิเศษเนื่องจากไม่อยากให้คนทั่วไปรู้จักเกรงว่าจะรู้ถึงพฤติกรรมของตนเอง เมื่อเจ้าหน้าที่ตํารวจพบตัวจึง ได้เข้าทําการจับกุมตัวนายภราดรฯ ขณะที่กําลังทําธุระอยู่ที่หน้าร้านถ่ายรูป ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เมื่อนายภราดรฯ เห็นเจ้าหน้าที่ตํารวจถึงกับตกใจหน้าซีด

เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้พร้อมทั้งแสดงหมายจับของศาลจังหวัดที่ จ 211/2566 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์” ให้นายภราดรฯ ดู อ่านเอง พร้อมอ่านให้ ฟัง ในชั้นจับกุมนายภราดรฯ ให้การ “รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา” เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงได้นําตัว ผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.นาขยาด จว.พัทลุง เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามคําให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ว่าตนเองไม่ได้ประกอบอาชีพใดมีรายได้จากการประกาศซื้อขาย พระเครื่องผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊ก เพียงทางเดียวเท่านั้น และเนื่องจากพระเครื่ององค์ที่เป็นปัญหานั้น นายภราดรฯ อ้างว่าตนได้ซื้อมาจากคนอื่นอีกถอดหนึ่งไม่ทราบว่าพระองค์ดังกล่าวเก๊ และเมื่อผู้เสียหาย ต้องการขอเงินคืนตนไม่สามารถนําเงินจํานวนทั้งหมดมาให้ได้ในคราวเดียว แต่มีการผ่อนจ่ายไปบางส่วนแล้ว

ส่วนที่เหลือตนไม่มีเงินที่จะคืนเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี และตนเองไม่มีรายได้ประกอบช่วงเวลาดังกล่าว ตนเองป่วยเข้ารักษาตัวโรงพยาบาลเกี่ยวกับโรคหัวใจจึงไม่ได้ทํางาน และไม่มีเงินที่จะคืนให้กับผู้เสียหาย ดังกล่าว จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว