"บุรีรัมย์-อุดรมีชัย" ขยายเปิดด่านการค้าชายแดน "ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี”กระตุ้นการค้า

"บุรีรัมย์-อุดรมีชัย" ขยายเปิดด่านการค้าชายแดน "ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี”กระตุ้นการค้า





ad1

นายบุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์  พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ นายโนวซอม เจียราริต นายอำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา พร้อมคณะฯ ที่จุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องสายตะกู  ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์  ในโอกาสเดินทางมากระชับความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

ทั้งนี้ จะมีการหารือแนวทางการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ แต่ฝั่งไทยยังติดขัดด้วยข้อกฎหมายบางส่วน และพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก (ดงพญาเย็น–เขาใหญ่) ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนขอเพิกถอนพื้นที่และขอใช้พื้นที่ป่าไม้บางส่วน ตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบันทางด้านฝั่งไทยอนุญาตให้เฉพาะประชาชนอำเภอบ้านกรวด กับประชาชนชาวกัมพูชา สามารถข้ามแดนเพื่อติดต่อซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันได้เท่านั้น โดย ล่าสุด จ.บุรีรัมย์  ได้อนุมัติเพิ่มวันเวลาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู-จุ๊ปโกกี จากเดิม 5 วัน เวลา 08.00-15.00  น. ขยายเป็น 7 วัน หรือตลอดทั้งสัปดาห์ เวลา 08.00-15.00  น. ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2566 เป็นต้นไป ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย จะได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้า ที่จุดผ่อนปรนการค้า ช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี  ให้การค้าขายคึกคักมากกว่านี้ ก็จะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย

นายบุญเต็ม กัลยาพานิช  นายอำเภอบ้านกรวด  กล่าวว่า  การที่ตัวแทนทั้งสองฝั่งมาพบกันในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องการขยายวันเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี  หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงนามในคำสั่งให้เปิดทำการค้าขายได้ 7 วัน เหมือนที่เคยเปิดเมื่อปี 2557  แต่พอเจอสถานการณ์โควิดระบาดก็ได้ปิดจุดผ่อนปรนดังกล่าวเมื่อปี 2563  พอสถานการณ์โควิดคลี่คลายก็เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2565  แต่ช่วงนั้นเปิดเพียง 5 วันก่อน

กระทั่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงนามในคำสั่งให้สามารถเปิดทำการค้าขายร่วมกันได้ตลอด 7 วัน  วันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝั่งจึงได้มาหารือแนวทางดำเนินการร่วมกัน   ส่วนการผลักดันให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรนั้น ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันหลายฝ่าย  เพราะไทยยังติดขัดด้วยข้อกฎหมายบางส่วน และพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก  ซึ่งทางอำเภอและจังหวัดก็พยายามหาแนวทางเพื่อให้สามารถเปิดเป็นด่านผ่านแดนในในอนาคต  คาดหวังรัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายยกระดับเป็นด่านผ่านแดนถาวรเหมือนจังหวัดอื่น

สำหรับ ในส่วนของฝั่งกัมพูชาเขาได้เปิดเป็นด่านผ่านแดนถาวรแล้ว ซึ่งท่านนายอำเภอบันเดียอัมปึลท่านก็เสนออยากให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าไปในอำเภอบ้านกรวดได้ โดยเฉพาะผู้ที่เจ็บป่วยอยากเข้าไปรักษาพยาบาลซึ่งเขาพร้อมที่จะจ่ายค่ารักษา   จากเมื่อก่อนก็เคยให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกันอยู่แล้ว  ทั้งยังได้เสนออยากให้ประชาชนในทุกอำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์  สามารถเข้ามายังจุดผ่อนปรนดังกล่าวได้  เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้  เพราะขณะนี้ยังอนุญาตแค่คนในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดเท่านั้น  ทั้งที่ฝั่งกัมพูชาเขาเปิดเสรีแล้ว

ด้าน นายโนวซอม เจียราริต นายอำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย กล่าวว่า  ขอขอบคุณทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ขยายวันเปิดด่านเปิดตลอดทั้งสัปดาห์ หากเป็นไปได้ทางฝั่งกัมพูชาก็อยากให้ไทยได้ยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรโดยเร็ว เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น

ข่าว/ภาพ : สุรชัย พิรักษา ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์