ชาวนาศรีสะเกษชอกช้ำ!ขายข้าวเปลือกให้บริษัท แต่ไม่ได้เงิน เสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท

ชาวนาศรีสะเกษชอกช้ำ!ขายข้าวเปลือกให้บริษัท แต่ไม่ได้เงิน เสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท





ad1

"จ่าคิงส์ สะพานใหม่"นำกลุ่มชาวนาเมืองศรีสะเกษกว่า 20 คนร้องทุกข์กับ"พ.ต.ต.นภัส"สว.(สอบสวน)กก.4 ปอศ.ขายข้าวเปลือกให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งผ่านพ้นกว่า 5 เดือนแล้วยังไม่ได้เงิน คิดมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 66 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมะนันท์ แตงทิม หรือ"จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่  นำกลุ่มชาวนาในพื้นที่  อ.ไพรบึง  จ.ศรีสะเกษ  กว่า 20 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.นภัส  หลักคำ สว.(สอบสวน) กก.4.ปอศ. หลังนำข้าวเปลือกไปฝากขายกับร้านค้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ นานกว่า 5 เดือน แต่กลับไม่ได้รับเงินค่าข้าวตามที่ตกลง ก่อนหน้าเคยแจ้งความไว้ที่ สภ.ไพรบึง แต่คดีไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม มูบค่าความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท

ตัวแทนชาวนา ในฐานะผู้เสียหายรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ตนเอง มีข้าวเปลือก 40 ตัน ได้นำไปฝากขายที่ร้านค้าแห่งนี้ ซึ่งเปิดเป็นบริษัทรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา เพื่อนำไปส่งขายให้กับโรงสีข้าว  โดยทางร้านค้าแห่งนี้ ยื่นข้อเสนอว่า ถ้าหากรับเงินในวันที่ขายข้าวเปลือกจะได้ราคากิโลกรัมละ 8 บาท แต่ถ้ารับเงินในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะได้ในราคากิโลกรัมละ 12 บาท  ด้วยความที่อยากได้เงินมากขึ้น จึงรับข้อเสนอดังกล่าว แต่เมื่อถึงกำหนดรับเงินติดต่อที่ร้านค้าแห่งนี้ กลับถูกบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมจ่ายเงิน อ้างว่า ทางโรงสี ไม่จ่ายเงินให้ จึงไม่มีเงินมาให้ชาวนา  ทำให้ตนเองได้รับความเดือดร้อน และไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ไพรบึง แต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงรวมตัวกันมาร้องเรียนที่กองปราบปราม

ส่วนผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนเอง นำข้าวเปลือก จำนวน 80 ตัน ไป ขายให้กับร้านค้าแห่งนี้ แต่เมื่อได้เงินมาแล้ว ทางร้านค้าแห่งนี้ ได้ขอยืมเงินต่อ อ้างว่าจะได้ดอกเบี้ย พร้อมยกตัวอย่างว่า  ขายข้าวได้ 1 แสนบาท ทางร้านค้ายืมเงินกลับไป และบอกว่าจะได้ดอกเบี้ย 20,000 บาท เห็นว่าเหมือนฝากเงินไว้ แล้วได้ดอกเบี้ย จึงเชื่อใจให้ทางร้านค้ายืมเงิน แต่สุดท้าย ก็ยังไม่ได้เงินกลับคืนมาเลย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้มำการสอบปากคำเพื่อนำไปพิจารณาควบคู่พยานหลักฐานก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป