ชัยภูมิดันวาระแห่งชาติกู้วิกฤตเด็กเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่งชี้พิษควันรุนแรงกว่าบุหรี่ธรรมดา

ชัยภูมิดันวาระแห่งชาติกู้วิกฤตเด็กเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่งชี้พิษควันรุนแรงกว่าบุหรี่ธรรมดา





ad1

ชัยภูมิ – กระทบอัตราการเกิดของคนในพื้นที่น้อยลงต่อเนื่อง หลังอัตราการเสียชีวิตต่อปีสูงกว่า 1.5 หมื่นคน อัตราการเกิดเริ่มน้อยลงต่อปีไม่เกิน 5,000 คน พิษควันบุหรี่ไฟฟ้ารุนแรงกว่าบุหรี่ธรรมดาเริ่มมีผลกระทบประชากรเด็กตั้งแต่ตั้งครรภ์-แรกเกิดในพื้นที่เริ่มลดน้อยลงจ่อเข้าขั้นวิกฤตอีกต่อเนื่อง!!

เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2566 ที่ห้องประชุมสัมมนาศิษย์เก่าโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ น.ส.อรอาภา โลห์วีระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเวทีสัมมาการให้ความรู้กับตัวแทนทุกภาคส่วนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เร่งช่วยกันรณณรงค์ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

ซึ่งในปัจจุบัน พบว่าในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ พบว่าเริ่มมีเด็ก เยาวชน ทั้งในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา สูบบุหรี่มีแนวโน้มสูงมากขึ้น โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีอันตรายต่อปัญหาสุขภาพร่างกายมากกว่าบุหรี่ธรรมดา  โดยบุหรี่ไฟฟ้า ไอที่พ่นออกมา ซึ่งใช้กลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ ประกอบไปด้วยสารเคมีต่างๆ โดยไม่มีควันจากกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ทั่วไป แต่น้ำยาที่ถูกทำให้เป็นไอ เข้าสู่ร่างกาย จะมีสารประกอบหลัก คือนิโคติน เป็นสารที่ทำให้ร่างกายเสพติดการสูบบุหรี่  โพรไพลีนไกลคอล ทำให้เกิดอาการไอ  กลีเซอรีน เป็นสารเพิ่มความชื้น เมื่อผสมกับสารโพรไพลีนไกลคอล  ทำให้เกิดอาการไอ มีสารแต่งกลิ่นและรส สารเคมีต่าง ๆ ที่พบในน้ำยา ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายรุนแรงตามมาอีกจำนวนมาก

ทั้งนิโคติน จะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางเพิ่มความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปอด ระเร็งช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร ละตับอ่อน โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ที่จะมีการเข้าไปกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน  กระตุ้นจำนวนเซลล์ผนังหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้เส้นเลือดตีบ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง

ซึ่งโดยเฉพาะในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ นิโคตินส่งผลต่อพัฒนาการ ของสมองทารกในครรภ์ เสี่ยงต่อการเสียชีวิต และเกิดการคลอดก่อนกำหนดเด็กแรกเกิดออกมาร่างกายไม่สมบูรณ์ และกระทบไปถึงคนที่ได้รับควันจากบุหรี่ไฟฟ้าที่จะมีบุตรยาก เกิดโรคที่เกี่ยวข้องต่างๆตามมาได้อีกจำนวนมาก

ซึ่งด้าน น.ส.อรอาภา  โลห์วีระ รองผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มีรายงานจากการติดตามพฤติกรรมการสูบหรี่ไฟฟ้าเป็นสถิติสะสมมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนทั้งใน และนอกสถานศึกษา ล่าสุดพบว่าได้หันมานิยมสูบหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากขึ้น ซึ่งควันจากบุหรี่ไฟฟ้าจะส่งผลอันตรายต่อร่างกายมากกว่าบุหรี่ทั่วไป ซึ่งสภาพปัจจุบันพบว่ามีอัตราการเกิดของประชากรทุกวันนี้น้อยลงลดน้อยลงเป็นจำนวนมาก ที่ล่าสุดต่อปีมีประชากรของ จ.ชัยภูมิ เสียชีวิตต่อปีกว่า 15,000 คน/ปี อัตราการเกิดต่อปีที่ถือว่าเริ่มต่ำมากประมาณไม่เกิน 5,000 คน/ปี และมีปัญหาคลอดก่อนกำหนดยังสูงมากต่อปีเกือบ1,000 คน ที่เด็กกลุ่มนี้เกิดมาก็จะเป็นภาระต่อครอบครัวสังคมที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์อีกด้วย และส่วนหนึ่งก็เกิดจากปัญหาการสูบบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ที่เพิ่มมากขึ้น

และหากเด็กเยาวชนที่ปัจจุบันการเกิดที่เริ่มน้อยอยู่แล้ว หากเด็กเยาวชนไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่ง ขณะนี้เด็กและเยาวชนที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะยังไม่ป่วย แต่อีกไม่นานจะกลายเป็นผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังตามมาอีกจำนวนมากในแต่ละปีที่สูงขึ้นด้วย ขณะนี้จำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่ง จ.ชัยภูมิ ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้จากนี้ไป อยากให้ชาวชัยภูมิ ทุกคนช่วยกันรณรงค์ป้องกนลดการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กเยาวชนให้เป็นวาระแห่งชาติ ของ จ.ชัยภูมิ จากนี้ไปด้วย