“เสรีพิศุทธ์”อำลาสส.ทิ้งบอมบ์สุดแสบทรวง ซัดแรง รัฐมนตรีแย่งเก้าอี้กันเหมือนหมาแย่งชามข้าว

“เสรีพิศุทธ์”อำลาสส.ทิ้งบอมบ์สุดแสบทรวง ซัดแรง รัฐมนตรีแย่งเก้าอี้กันเหมือนหมาแย่งชามข้าว





ad1

“เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” แจงเหตุผลลาออก เสร็จภารกิจโหวต “เศรษฐา” เป็นนายกฯ เปิดทาง สส.ในพรรคเสรีรวมไทย ได้มีประสบการณ์ทำงาน ซัดแรง รัฐมนตรีแย่งเก้าอี้กันเหมือนหมาแย่งชามข้าว มอง เพื่อไทยหักหลังประชาชนจับมือคนปฏิวัติ

เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 30 สิงหาคม 2566 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงข่าวถึงเหตุในการลาออกจาก สส. ว่า ตนได้ลาออกตั้งแต่ 23 สิงหาคม 2566 ซึ่งเป็นหลังวันโหวต นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี (22 สิงหาคม 2566) ได้ 1 วัน อายุ 75 ปี ผ่านประการณ์อาจจะมองไม่เหมือนกับคนอายุน้อย ชีวิตเสียสละมาโดยตลอด ซึ่งการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ได้รับการเลือกตั้งจากคะแนนประชาชนเสียง 1 เสียง ทำให้คิดถึง สส.ที่ดีในพรรคเสรีรวมไทยที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่คนเมาแล้วขับ ทะเลาะตบตี ติดคุกมาก่อน กลับได้รับเลือก จึงไม่ศรัทธาสิ่งเหล่านี้

“ในเมื่อพี่น้องประชาชนไม่ต้องการพรรคเสรีรวมไทย แล้วผมจะไปนั่งอยู่ในสภาฯ ทำไม ไปนั่งรับใช้อะไร รับใช้มาตั้ง 4 ปีเต็มแล้ว ผมเป็นคนไม่ยึดติดกับตำแหน่งอะไรทั้งสิ้น เกิดมาไม่เคยขอตำแหน่งใคร เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยรู้จักท่านนายกฯ สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาก่อนเลย เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เมื่อมาเป็น สส.ครั้งที่ 2 ผลการเลือกตั้งเป็นอย่างนี้ เราก็อยากเสียสละให้คนในพรรคของเรา ให้เบอร์ 2 เขาได้ทำงานบ้าง เพราะเราก็ทำมา 4 ปีเต็มแล้ว เหนื่อยมา 4 ปีเต็มแล้ว ผลยังปรากฏอย่างนี้ก็ให้เขาทำบ้าง ไม่ติดยึดเหมือนคนอื่น ไม่อยากเอ่ยชื่อ ไปคิดเอาเอง โอ้โห เป็นนายกฯ ก็ 2 สมัย เป็นประธานสภาฯ ก็ 2 สมัย ยิ่งใหญ่ ตอนป็นประธานสภาฯ ก็ต้องมีห้องส่วนตัวโดยเฉพาะ เพราะที่ประชุมใครก็ต้องเรียกท่านประธาน เป็นมาขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จักพออีก มาลงเลือกอีก ไม่ปล่อยให้รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลานบ้าง ตอนนี้มาอยู่ในสภาฯ ก็จ๋อง ไม่รู้จะมานั่งทำไม เป็นจนพรรคแตกเพราะไม่รู้จักเสียสละ”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนเองคิดเสียสละ ไปไหนก็บินฟรี มีค่ารักษาพยาบาล เป็นจนหมดสมัยก็ได้บำนาญอีก คนอยากเป็นทั้งนั้น แต่ไม่ใช่เสรีพิศุทธ์ ที่อยากจะให้คนของเราไปทำงาน สร้างประสบการณ์เราต้องรู้จักเสียสละบ้านเมืองถึงจะอยู่ได้ แต่ที่เพิ่งมาลาออกเพราะมีภารกิจที่ต้องโหวตนายกรัฐมนตรีในฐานะพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ช่วงที่พรรคก้าวไกลก็เป็นแกนนำจัดตั้งก็ช่วยเต็มที่ หาเสียงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้ คุยกับพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ให้มาร่วมโหวต แต่บางครั้งคนในพรรคก้าวไกลยังคิดไม่เป็น คิดได้เพียงใครใช้ตนไปคุย มันต้องใช้ด้วยหรือ เราเป็นคนไทย มีหน้าที่รักประเทศไทย ต้องรักคนไทย รักพระมหากษัตริย์ไหม จะต้องบอกให้รักหรือ ในเมื่อมีหน้าที่ก็ต้องช่วยเขา แค่ สส.ด้วยกันยังคนละระดับเลย คุยกันไม่รู้เรื่อง 

จนกระทั่งไปไม่ได้ คือ สส. และ สว.ไม่หนุนให้ เมื่อพรรคก้าวไกลไปไม่ได้ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ถ้าตนเป็นก้าวไกลก็ต้องสนับสนุนเพื่อไทย เพราะคราวที่แล้วเพื่อไทยก็ลงให้ 141 เสียง มาคราวนี้เพื่อนจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับไม่โหวตให้ เพราะถ้ามีเสียงก้าวไกลก็เพิ่มเพียงเสียงพรรคภูมิใจไทย ไม่ต้องหาเสียงจาก 2 ลุง ไม่ต้องพึ่ง สว. กลับเอาแต่เล่นการมือง ไม่สนใจประโยชน์ของประเทศและประชาชน ถ้าวันนั้นพรรคก้าวไกลโหวตให้นายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยก็จบไปนานแล้ว อะไรที่ช่วยได้ พรรคเสรีรวมไทยก็ช่วย