รวบหนุ่มใหญ่ชวนทำธุรกิจร้านอาหาร หวังฮุบกิจการเป็นของตนเอง เสียหายกว่า 8 ล้านบาท

รวบหนุ่มใหญ่ชวนทำธุรกิจร้านอาหาร หวังฮุบกิจการเป็นของตนเอง เสียหายกว่า 8 ล้านบาท





ad1

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายประวิทย์ฯ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1411/2564 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ในความผิดฐาน ฉ้อโกง, เป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท กระทำหรือยินยอมให้กระทำการ ดังต่อไปนี้ (1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอม บัญชี เอกสารหรือหลักประกันของบริษัท หรือ (2) ลงข้อความเห็นหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของบริษัทหรือที่เกี่ยวกับบริษัท

สถานที่จับกุม บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ถ.ธนะรัชต์ - วังน้ำเขียว ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ว่าถูกบุคคลซึ่งเป็นคนรู้จักกัน ทำการชักชวนและหลอกลวงให้ลงทุนเปิดกิจการร้านอาหารและหวังฮุบธุรกิจ โดยหลอกให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภท บริษัทจำกัด พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายออกเงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท และขอถือหุ้นจำนวน 25 % แต่ยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น อ้างว่าจะนำเงินมาลงทุนร่วมด้วยในภายหลัง พร้อมทั้งรับอาสาดำเนินการเกี่ยวกับการติดต่อเช่าพื้นที่ ติดต่อผู้รับเหมา จัดซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งร้านและสินค้าที่จะมาจำหน่ายในการดำเนินกิจการของร้าน มีการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าดำเนินการให้แก่ผู้ต้องหา เมื่อผู้เสียหายประสงค์ให้ผู้ต้องหานำหลักฐานเกี่ยวกับค่าก่อสร้าง รวมทั้งการว่าจ้างผู้รับเหมา ซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน ทั้งหมดมาชี้แจงเพื่อจะนำค่าใช้จ่ายมาลงในระบบบัญชีของบริษัทฯ ปรากฎว่าผู้ต้องหาสามารถแสดงหลักฐานได้เพียง 2 ล้านบาท พร้อมทั้งกีดกันไม่ให้ผู้เสียหายเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการ จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหามีเจตนาที่จะเบียดบังเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายรวมถึงกิจการร้านอาหารมาเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียวแต่ทำไม่สำเร็จและหลบหนีไป เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นการหลอกลวงผู้เสียหาย มีการประกอบกิจการร้านอาหารอยู่จริง แต่ในภายหลังไม่สามารถตกลงกันเรื่องผลประโยชน์ได้
 
ตำรวจสอบสวนกลาง จึงขอฝากเตือนให้พี่น้องประชาชนทุกคน ให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรม ปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่หลอกลวงโดยใช้ความสนิทสนม ชิดเชื้อ อาศัยความเชื่อใจของคนเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะในการชักชวนให้ร่วมลงทุน อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้คุณร่วมลงทุน ซึ่งทุกการลงทุนหรือการประกอบธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนประกอบธุรกิจต้องศึกษาธุรกิจให้ดีและต้องมีความพร้อมก่อนที่จะทำธุรกิจต่างๆ รวมถึงต้องอาศัยความรู้ มีความละเอียดรอบคอบในการตัดสินใจก่อนที่จะลงทุน เพื่อป้องกันการทุจริตที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจของตนเองได้