'สมศักดิ์'ลั่นส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยง'ปูทะเล'ยกระดับเศรษฐกิจด้ามขวานไทย

'สมศักดิ์'ลั่นส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยง'ปูทะเล'ยกระดับเศรษฐกิจด้ามขวานไทย





ad1

"สมศักดิ์"รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กพต. เยี่ยมชมโรงเพาะฟักสัตว์น้ำ  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวชื่นชมและพร้อมสนับสนุน ม.อ.ปัตตานี ขยายการเพาะพันธุ์  “ปูดำหรือปูทะเล” ให้ทันต่อความต้องการของเกษตรกร ยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.)  เยี่ยมชมโรงเพาะฟักสัตว์น้ำ  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และติดตามความคืบหน้าการขยายผลความสำเร็จในการเพาะพันธุ์  “ปูดำหรือปูทะเล”  ให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการเพาะพันธุ์ในรูปแบบการเพาะฟักโดยแม่พันธ์ไข่นอกกระดอง   โดยมี  รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม   อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวรายงานด้านงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปู  ด้านศักยภาพของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สำหรับรองรับการเพาะเลี้ยงปูทะเลให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่และการดำเนินงานในปัจจุบัน  และข้อเสนอแนวทางการพัฒนาและส่งเสริม

ในโอกาสนี้ มีนางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนจังหวัดปัตตานี ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นำโดย ผศ.ดร.มนทิรา ลีลาเกรียงศักดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาเขตปัตตานี  ผศ.ดร.บดินทร์ แวลาเตะ  รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ วิทยาเขตปัตตานี  อาจารย์วรัญญา เต็มรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์  วิทยาเขตปัตตานี  รศ.ดร.กรรณิการ์ สหกะโร  คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยอาจารย์และนักวิจัยด้านการประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้การต้อนรับและนำชมโรงเพาะฟักสัตว์น้ำ

รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม   อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี  กล่าวว่า ปูทะเลหรือเรียกกันว่าปูดำถือว่าเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นที่นิยมของผู้บริโภค มีรสชาติที่ดีและราคาที่แพง การขาดแคลนแม่พันธุ์ปูที่มีไข่นอกกระดองเพื่อใช้ในการเพาะพันธุ์และอนุบาล เป็น pain point และคอขวดสำคัญที่ส่งผลให้การเพาะและขยายพันธุ์ปูทะเลในประเทศไทยยังประสบความสำเร็จไม่มากนัก ส่งผลต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงปูทะเลของประเทศ โดยธรรมชาติการผสมพันธุ์ของปูเกิดขึ้นหลังจากตัวเมียลอกคราบใหม่ๆ ปูเพศผู้จะเข้าผสมพันธุ์และปล่อยถุงน้ำเชื้อเก็บไว้ในปูเพศเมีย เมื่อไข่พัฒนาเต็มที่ปูเพศเมียจะปล่อยไข่ออกมาผสมกับน้ำเชื้อแล้วนำไข่มาเก็บบริเวณจับปิ้งซึ่งจะเรียกว่าปูไข่นอกกระดอง การจัดหาแม่พันธุ์ปูไข่นอกกระดองจากธรรมชาติถือว่าเป็นเรื่องยาก

เนื่องจากโดยปกติปูทะเลจะอาศัยบริเวณชายฝั่งป่าชายเลน แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปล่อยไข่ให้ออกไปอยู่นอกกระดอง ปูจะว่ายน้ำในช่วงที่ไข่ยังอยู่ในตัวเพื่อไปหาแหล่งที่เหมาะสมที่ระดับความลึกราว 30 -50 เมตร บริเวณนอกชายฝั่ง คณะนักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งจังหวัดปัตตานี จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีระบบการกระตุ้นแม่พันธุ์ปูทะเลให้ปล่อยไข่ออกนอกกระดองขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแม่พันธุ์ปูทะเลที่มีไข่นอกกระดองโดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จนได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ได้พัฒนาโรงเรือนสำหรับเลี้ยงแม่ปูโดยใช้หลักการจำลองสภาพแวดล้อมสมือนกับการที่ปูอาศัยอยู่บริเวณท้องทะเลตามธรรมชาติ โดยคำนึงถึงปัจจัยเกี่ยวกับแสง คุณภาพน้ำ การถ่ายเทและหมุนเวียนน้ำ อาหารและการให้อาหาร ทรายรองพื้นสำหรับปล่อยไข่ และหลีกเลี่ยงการรบกวนปู ระบบและวิธีนี้สามารถกระตุ้นให้แม่ปูที่มีไข่ในกระดองให้ปล่อยไข่ออกนอกกระดองมาเก็บไว้บริเวณส่วนจับปิ้งและฟักออกมาเป็นลูกปูระยะซูเอียได้ร้อยละ 75-85 จากการนำปูเข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ปัจจุบันแม่ปูทะเลที่มีไข่นอกกระดองหรือลูกปูระยะซูเอียที่ผลิตได้จากโครงการวิจัยฯ ได้ถูกส่งมอบให้แก่หน่วยงานที่สนใจเพื่อนำเอาลูกปูไปอนุบาลต่อไปเพื่อให้บริการแก่เกษตรกรและการเพิ่มปริมาณปูทะเลในแหล่งน้ำธรรมชาติ

รศ.ดร. ซุกรี หะยีสาแม   ได้นำเสนอข้อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี ว่า อยากให้ภาครัฐมีการส่งเสริมและบูรณาการการทำงานต่อเนื่องเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปูทะเล  โดยสนับสนุนการพัฒนาการผลิตแม่ปูและพัฒนาพันธุ์ปูของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี  มีการสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเพาะฟักสัตว์น้ำให้สมบูรณ์เพื่อให้สามารถพัฒนาเทคนิคและผลิตลูกปูได้อย่างต่อเนื่อง  สนับสนุนให้กรมประมง ผลิตลูกปูร่วมและส่งเสริมการเลี้ยงปูให้แก่เกษตรกร  พร้อมทั้งสนับสนุนให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพิ่มการนำพื้นที่ป่าชายเลนมาใช้ประโยชน์   นอกจากนี้ภาครัฐควรสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินงานธนาคารปูม้าชุมชนที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง (500,000 บาท/ปี)   กำหนดมาตรการช่วยเหลือด้านราคาปลากะพงขาว  สร้างระบบนิเวศทางเลือกอาชีพใหม่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนชายฝั่งที่โยงกับฐานทรัพยากร เช่น การท่องเที่ยวรอบอ่าวปัตตานี  ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชนชายฝั่งต่อไป