รวบยกแก๊งบัญชีม้ากลางร้านเสริมสวยหลอกกดรับเออเดอร์สินค้า

รวบยกแก๊งบัญชีม้ากลางร้านเสริมสวยหลอกกดรับเออเดอร์สินค้า





ad1

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์  รรท. รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวกับคดีออนไลน์

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2566  เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส. นำโดย พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อม ชุดปฏิบัติการที่ 3ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.อลิษา อายุ 31 ปี ภูมิลำเนา อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสิงห์บุรี ที่ จ.22/2566 ลงวันที่ 30 ม.ค. 66  
      
ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ที่บริเวณศูนย์การค้า แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร

จากการตรวจสอบหมายจับในระบบฯ ยังพบหมายจับติดตัวอีก 3 หมาย ดังนี้ 

1)หมายจับศาลจังหวัดวิเชียรบุรี ที่ 126/2565 ลงวันที่ 14 ก.ย. 65 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”                                                                                     
2)หมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ จ.183/2566  ลงวันที่ 25 พ.ค. 66 ข้อหา“โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน  และร่วมกันฉ้อโกง””                                                                                     
3)หมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ จ.483/2566 ลงวันที่ 11 ก.ย. 66  ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

พฤติการณ์ในคดี กล่าวคือ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2565 ผู้เสียหาย พบประกาศโฆษณาของเพจเฟซบุ๊กชื่อ "Often feel 7"ชักชวนให้ทำงานสร้างรายได้เสริมผ่านอินเตอร์เน็ตผู้เสียหายสนใจจึงเข้าไปติดต่อสอบถามกับแอดมินผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ชื่อ "พลอย" ซึ่งเป็นผู้แนะนำบอกรายละเอียดเกี่ยวกับงานว่าเป็นการสร้างรายได้โดยการกดรับออเดอร์สินค้าให้กับร้านค้าในแอพพลิเคชั่น เช่น Shopee และ Lazada โดยจะทำงานผ่านแพลตฟอร์มของทางบริษัทฯ เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้าโดยจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชั่นตามยอดขายสินค้าที่กดรับออเดอร์ ในขั้นตอนการทำงานนั้นทางแอดมินจะส่งลิ้งค์ให้ผู้เสียหายเข้าไปลงทะเบียนเพื่อสมัครใช้งานแพลตฟอร์มของบริษัทฯก่อน  จากนั้นจะให้ผู้เสียหายเป็นผู้เติมเงินเข้าระบบสมาชิกเพื่อเป็นเงินทุนสำรองจ่ายค่าสินค้า ซึ่งทางแอดมินได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นางสาวรสสุคนธ์ ซึ่งในครั้งแรกๆนั้นผู้เสียหายได้ทำตามขั้นตอนที่แอดมินแนะนำและได้รับผลตอบแทนจริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และแอดมินได้ชักชวนให้ผู้เสียหายทำงานในลักษณะดังกล่าวต่อไปอีก จากนั้นผู้เสียหายจึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารเดิมอีกจำนวน 500 บาท แต่ในวันดังกล่าวแอดมินแจ้งว่าแผนการลงทุนในราคา 500 บาท คิวงานเต็มหมดแล้วยังไม่สามารถทำได้มีแต่แผนการลงทุนที่มีจำนวนสูงกว่านี้ จนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน 2565 แอดมินจึงได้ส่งข้อความมาชักชวนให้ผู้เสียหายทำงานอีก


โดยในครั้งนี้ได้ให้ผู้เสียหายเข้าไปพูดคุยกับผู้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ชื่อ "คุณครู ญาณิศา ณาดาศิริกุล" เป็นแอดมินเพื่อติดต่อขอรับงาน แนะนำขั้นตอนต่างๆรวมทั้งผลตอบแทนในแต่ละระดับให้ผู้เสียหายเลือกว่าจะลงทุนในราคาใด ซึ่งในครั้งนี้ผู้เสียหายตกลงทำแผนลงทุนในราคาเริ่มต้น 500 บาท ซึ่งมีเงินทุนเดิมอยู่แล้วที่โอนเข้าระบบในครั้งก่อนหน้านี้โดยแผนการลงทุนนี้จะต้องรับออเดอร์ทั้งหมด 10 ออเดอร์ผู้เสียหายถึงจะสามารถอนเงินทุนพร้อมผลตอบแทนออกมาได้ จากนั้นผู้เสียหายจึงรับทำงานรับออเดอร์ไปเรื่อยๆต่อมาออเดอร์ในครั้งหลังๆจะมีราคาสินค้าสูงกว่าเงินทุนที่ผู้เสียหายมีอยู่ในระบบสมาชิกแอดมินจึงให้ผู้เสียหายโอนเงินทุนเข้าไปเพิ่มเติม โดยให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นางสาวอลิษา (ผู้ต้องหาที่ถูกจับ) ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารดังกล่าว จำนวน 1,500, 4,400 และ 13,000 บาท รวมเป็นเงินที่ผู้เสียหายโอนเข้าไปทั้งหมดจำนวน 19,400 บาท จนถึงออเดอร์ที่10ซึ่งเป็นออเดอร์สุดท้าย
และแอดมินอ้างว่าหากผู้เสียหายทำรายการเสร็จก็จะสามารถถอนเงินทุนพร้อมกับผลตอบแทนออกมาได้ แต่ราคาสินค้าในออเดอร์ที่10 มีราคาสูงกว่าเงินทุนที่ผู้เสียหายมีอยู่ในระบบ

 จากการซักถามผู้ต้องหาให้การว่า เมื่อประมาณ ปี พ.ศ 2564 พบประกาศชักชวนให้เปิดบัญชี ทางเพจเพซบุ๊ก (จำชื่อไม่ได้) ตนจึงอินบล็อกเข้าไปพูดคุย โดยตนได้ตกลงเปิดบัญชีให้ ทั้งทางออนไลน์ และไปเปิดบัญชีที่ธนาคารที่จำได้มีดังนี้ บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัล พระรามเก้า (จำหมายเลขบัญชีไม่ได้ )จำนวน 2 บัญชี บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัล บางกะปิ ( จำหมายเลขบัญชีไม่ได้) จำนวน 1 บัญชี และยังรับว่า ได้เปิดบัญชี ทั้งเปิดออนไลน์และเปิดที่ธนาคาร รวมประมาณ 10 กว่าบัญชี โดยได้รับค่าจ้างเปิดบัญชี ประมาณ บัญชีละ 700-1,500 บาท
      
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ