เศรษฐีถอยรถอีวีขับเที่ยวปีใหม่เศร้าสถานีชาร์จไฟมีน้อยต้องแย่งจองกันวุ่น

เศรษฐีถอยรถอีวีขับเที่ยวปีใหม่เศร้าสถานีชาร์จไฟมีน้อยต้องแย่งจองกันวุ่น





ad1

เศรษฐีถอยรถอีวีขับเที่ยวปีใหม่เศร้าสถานีชาร์จไฟมีน้อยต้องแย่งจองกันวุ่นผู้ใช้รถ EV เดินทางปีใหม่กลับบ้านในภาคอีสาน แย่งกันจองสถานีชาร์จไฟวุ่น ต้องลุ้นกันตลอดทางกว่าจะถึงบ้าน เพราะสถานีชาร์จไฟฟ้ามีน้อย

บนถนนมิตรภาพในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้มีประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการจราจรหนาแน่นหลายจุด ขณะเดียวกันก็พบว่ามีประชาชนหลายคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหาสถานีชาร์ตไฟฟ้าค่อนข้างยาก จะมีเฉพาะบางปั๊มน้ำมันเท่านั้น ทำให้ต้องมีการวางแผนการเดินทางมากกว่าผู้ใช้รถยนต์น้ำมันปกติทั่วไป โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาถนนบายพาสเลี่ยงเมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีสถานีชาร์ตไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ EV อยู่ 1 สถานี ที่มีสายชาร์จไฟฟ้ารถ EV ได้ครั้งละ 2 คันเท่านั้น ปรากฏว่ามีประชาชนนำรถยนต์ EV มาจอดชาร์ตไฟฟ้าเต็มทั้ง 2 คันตลอดเวลา

จากการสอบถามนายวิเชียร จันทลุน อายุ 44 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้นำรถยนต์ EV ยี่ห้อ MG4 มาจอดชาร์ตไฟฟ้าอยู่ ได้เปิดเผยว่า ตนเองกับครอบครัวเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร จะไปบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยใช้รถยนต์ EV ในการเดินทาง ซึ่งรถคันนี้ชาร์จไฟฟ้าครั้งหนึ่งสามารถวิ่งได้ประมาณ 300 กิโลเมตร แต่ระยะทางกว่าจะถึง จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 500 กิโลเมตร ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนการชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ไว้ 2 ครั้ง โดยจะวิ่งมาชาร์จไฟที่ จ.นครราชสีมา 1 ครั้ง และไปชาร์จอีกครั้งที่ จ.มหาสารคาม

แต่เนื่องจากว่าสถานีชาร์ขไฟฟ้ารถ EV มีจำนวนน้อย จึงต้องมีการจองสถานีชาร์จไฟฟ้าผ่านแอพลิเคชั่นไว้ล่วงหน้า ซึ่งพบปัญหาว่าเมื่อจองได้แล้ว แต่เกิดปัญหาการจราจรติดขัดวิ่งมาไม่ทันเวลาที่จองไว้ ก็ต้องถูกยกเลิกการจองเพื่อให้รถคันอื่นที่มาจองทีหลังได้ชาร์จไฟแทน อย่างตนเองกว่าจะได้ชาร์จที่นี่ ก็ต้องถูกยกเลิกการจองมาแล้ว 3 ที่ ขณะเดียวกันการชาร์จแต่ละรอบก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร อย่างรถของตนเองแบตเตอร์รี่เหลือ 30% ก็ต้องใช้เวลาชาร์ตประมาณ 56 นาทีกว่าจะเต็ม 100%

อย่างไรก็ตามการใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็ถือว่าสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก อย่างเช่นกรณีของตนเองที่ต้องใช้รถยนต์ขับเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ ก่อนหน้านั้นที่เคยใช้รถยนต์เติมน้ำมัน ก็จะต้องเสียเงินเติมน้ำมันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท แต่หลังจากที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ก็ทำให้เสียแค่ค่าไฟฟ้าเดือนละประมาณ 1,300 บาทเท่านั้น จึงนับว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมากเลย.

โดย...ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา