เตือนแม่ตั้งครรภ์อย่าให้ถูกยุงลายกัดมีโอกาสติดเชื้อไวรัสซิกา อีสานระบาดหนัก

เตือนแม่ตั้งครรภ์อย่าให้ถูกยุงลายกัดมีโอกาสติดเชื้อไวรัสซิกา อีสานระบาดหนัก





ad1

นครราชสีมา – สคร.9 เผยไวรัสซิการะบาดอีสานใต้แล้ว 19 ราย เตือนแม่ตั้งครรภ์ระวัง อย่าให้ถูกยุงลายกัด มีโอกาสติดเชื้อไวรัสซิกา ทารกเสี่ยงพัฒนาการช้า

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ได้แจ้งเตือนในเพจเฟสบุ๊ค “สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา” ว่า ในช่วงนี้ยังมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อนำโดยยุงลายอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อไวรัส  ซิกา โรคนี้สามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเฝ้าระวังและป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด เพราะหากแม่ติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว อาจส่งผลให้เด็กที่คลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น หากมีไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่ม      เอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ควรรีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาทันที โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์

ด้านนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคติดเชื้อไวรัสซิกาว่า โรคนี้มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ทำให้ผู้ป่วยมีผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง และสามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือ ทารกเกิดความพิการทางสมองและระบบประสาท ส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 3 มกราคม 2567 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 758 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กระจายอยู่ใน 36 จังหวัด  โดยพบผู้ป่วยสูงสุดในจังหวัดจันทบุรี รองลงมาจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดตราด ตามลำดับ

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในเขตสุขภาพที่ 9 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 3 มกราคม 2567 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 19 ราย  ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยพบผู้ป่วยใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 14 ราย และจังหวัดนครราชสีมา  มีผู้ป่วย 5 ราย ส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดชัยภูมิ ยังไม่พบรายงานผู้ป่วย กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ 10 - 14   ปี รองลงมาคือ 0 - 4  ปี และ 5 - 9 ปี ตามลำดับ

นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ขอแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ควรป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด ไปฝากครรภ์ตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์จนกว่าจะคลอด หากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิกาต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสูตินรีแพทย์ ในประชาชนทั่วไปขอให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และในชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ 1) เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามา      เกาะพัก  2) เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 3) เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ รวมถึงการป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัดด้วยการทายากันยุง 

และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุง เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย และขอให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของคนในครอบครัว ไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ได้แก่ ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด มารับประทาน และให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.

โดย...ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา