ตามรวบยกแก๊งทีมปล้นร้านทองที่สุราษฎร์ธานีหนีกบดานมหาสารคาม

ตามรวบยกแก๊งทีมปล้นร้านทองที่สุราษฎร์ธานีหนีกบดานมหาสารคาม





ad1

กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันจับกุม นายสรายุทธฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา ที่ 20/2567 ลง 29 มกราคม 2567 ฐานความผิด “ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวก เพื่อการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะ
โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามพฤติการณ์”

พร้อมตรวจยึดของกลาง

1. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง Galaxy A7 (ได้ใช้ในการติดต่อเพื่อร่วมการกระทำความผิด)
2. บัตร ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ผูกกับบัญชี นายสรายุทธฯ (ได้ใช้ฝากเงินสดที่ได้จากการนำทองคำไปขาย)

สถานที่จับกุม บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 15 ต.มิตรภาพ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2567 เวลาประมาณ 19.10 น. ได้มีคนร้าย 2 คนเข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์

ร้านทองเยาวราช สาขาห้างโลตัสไชยา หมู่ที่ 2 ต.เวียง อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายที่ 1 สวมเสื้อฮู้ดแขนยาว สีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ มายืนอยู่ข้างร้าน แล้วกระโดดขึ้นที่ตู้ใส่ทอง กวาดสร้อยทองบนถาดแขวนทองใส่กระเป๋าสะพาย แล้วกระโดดข้ามตู้ใส่ทองออกไป คนร้ายที่ 2 สวมเสื้อแขนยาว สีดำ ใส่กางเกงขายาว สีดำ สวมรองเท้าแตะ ใส่หมวกแก๊ปสีดำ ถืออาวุธปืน 2 กระบอก ยืนอยู่หน้าร้านเพื่อคอยช่วยเหลือป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา

ต่อมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกับชุดสืบสวน บก.สส.ภ.8, ชุดสืบสวน กก.สืบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, ชุดสืบสวน สภ.ไชยา สืบสวนจนทราบว่ามีผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดจำนวน 5 คน โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุ พบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 วัน มีนายอโนชาฯ อายุ 33 ปี, นายโชค (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี, นายสรายุทธฯ อายุ 38 ปี ได้เข้ามาที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาไชยา เพื่อสังเกตุการณ์ดูลาดเลาไว้ก่อนแล้ว

ต่อมานายอโนชาฯ ทำหน้าที่ชี้เป้า เข้ามาภายในบริเวณห้างเทสโก้โลตัส สาขาไชยา เพื่อดูลาดเลาอีกรอบ แล้วส่งสัญญาณให้นายสรายุทธฯ ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ โดยมีนายภูวดลฯ ซ้อนท้ายขับเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของห้างเทสโก้ โลตัส สาขาไชยา ใกล้กับจุดที่นายอโนชาฯ จอดรถจักรยานยนต์ โดยนายสรายุทธฯ ซึ่งเป็นคนขับ แต่งกายด้วยการสวมเสื้อคลุมแบบมีฮูด แขนยาว สีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ

และนายภูวดลฯ ซึ่งเป็นคนนั่งซ้อนท้าย ลักษณะการแต่งกาย สวมใส่เสื้อคลุมแขนยาว สีดำ สวมหมวกแก๊ป สีดำ ใส่แมทสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าแตะสีขาว แล้วได้เดินเข้าไปถึงร้านทองที่เกิดเหตุ นายสรายุทธฯ ได้ชักอาวุธปืนสั้นออกมาแล้วกระโดดข้ามเคาร์เตอร์ร้านทอง เข้าไปกวาดสร้อยทองคำข้อมือน้ำหนัก 1 บาท 27 เส้น สร้อยคอทองคำ 2 สลึง 13 เส้น รวมมูลค่ากว่า 1,200,000 บาท 

ส่วนนายภูวดลฯ  ทำหน้าที่คอยคุ้มกัน บริเวณหน้าร้านทองที่เกิดเหตุ โดยชักอาวุธปืนสั้นออกมา 2 กระบอก เหวี่ยงไปมา เมื่อได้ทองคำมาแล้วก็วิ่งไปขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ต่อมาชุดสืบสวนได้พบรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ จมอยู่ในคลองท่าไร ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ส่วนนายสรายุทธฯ และนายภูวดลฯ นั้นได้หลบหนีต่อไป โดยมีนายอโนชาฯ, นายโชคฯ และนายจิ๊กโก๋ พาหลบหนีไปด้วยรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน สำหรับสร้อยทองคำที่ได้มาจากการปล้นนั้น นายสรายุทธฯ ได้เดินทางไปหลายจังหวัดตั้งแต่สงขลา ไปถึงระยอง ชลบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อตระเวนขายสร้อยทองคำ

กระทั่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนทราบว่านายสรายุทธฯ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม จึงได้ประสานการปฏิบัติกับชุดหนุมานกองปราบ เพื่อวางแผนเข้าทำการจับกุม ส่วนพวกที่เหลือที่ได้ร่วมกันก่อเหตุนั้นยังคงหลบหนีกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทางชุดสืบสวน บก.สส.ภ.8, ชุดสืบสวน กก.สืบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, ชุดสืบสวน สภ.ไชยา ก็ได้ร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม จนทำให้สามารถทำการจับเอาไว้ได้ จากการสอบถามนายสรายุทธฯ ให้การรับว่าขายสร้อยทอง หมดไปแล้ว ได้เงินสดมาประมาณ 650,000 บาท ได้นำเงินไปใช้หนี้ และเล่นการพนันออนไลน์หมดแล้ว จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไชยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป