พ่อเชื่อลูกไม่ได้ฆ่าเผยสถานะเสี่ยกล้วยมาดูแลทุกคนในครอบครัว

พ่อเชื่อลูกไม่ได้ฆ่าเผยสถานะเสี่ยกล้วยมาดูแลทุกคนในครอบครัว





ad1

พ่อเชื่อลูกไม่ได้ฆ่า ส่วนเสี่ยกล้วยมาดูแลทุกคนในครอบครัว ทั้ง 3 คนคบกันเป็นเพื่อน ส่วนคนเสียชีวิต ป่วยอัมพฤกษ์ครึ่งซีกซ้าย-โรคสมองตีบ เคยห้ามไม่อยากให้พามาเป็นภาระแต่ลูกก็ไม่ฟัง

ที่บ้านเลขที่ 172 ม.4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ไพจิตร คนคิด หรือไก่ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุเผานั่งยางศพ น.ส.เบญญาภา ปาณพันธ์ประภา อายุ 47 ปี หรือเป้ อยู่บ้านเลขที่ 83/76 หมู่ 20 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดที่บ่อขยะ ม.4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น โดยได้พบกับ นายอุดม คนคิด  พ่อของ น.ส.ไก่ อายุ 63 ปี ซึ่งป่วยด้วยโรคเบาหวานต้องตัดขา พร้อมทั้งมีโรคความดันสูง และโรคไต โดยมีญาติพี่น้องและลูกหลานดูแลอยู่ที่บ้าน

นายอุดม กล่าวว่า  ทั้งหมดเป็นตามที่ลูกพูดทุกอย่าง ย้อนกลับไปประมาณ 4-5 ปี น.ส. ไก่มา เล่าให้ฟังว่าเสี่ยกล้วยเป็นคนไถ่ที่ดินออกมา และก็ไม่รู้ว่าลูกสาวเอาที่ดินไปจำนอง ซึ่งลูกมาบอกว่าเอาที่ดินไปจำนองมารักษา น.ส.เป้ เนื่องจาก น.ส.เป้ป่วยตั้งแต่แรกที่เห็นกัน เป็นเส้นเลือดในสมองตีบ อัมพฤกษ์ซีกซ้ายไม่สามารถใช้งานได้ ผอม ตัวเหลือง  จนกระทั่งมาเกิดเหตุ หยิบจับของได้เพียงข้างขวา โดยจะมีน.ส.ไก่เป็นคนดูแลทุกอย่างตั้งแต่อุจจาระราด เยี่ยวราด หุงหาอาหาร ก็ทำให้กิน ดูแลแม้กระทั่งแกะก้าง เลาะกระดูกออกให้เหมือนดูแลเด็ก

" พ่อบอกว่าเอาคนมารับผิดชอบแบบนี้ได้ยังไงทำไมไม่เอาคนอื่นที่จะมารับผิดชอบตัวเอง แต่ทำไมถึงเอาตัวเองไปรับผิดชอบคนอื่น ซึ่งพ่อก็พูดมาตั้งแต่แรกแต่ไก่ก็ไม่ตอบโต้ พ่อแม่พูดอะไรไม่โต้ตอบ ไม่เถียง ส่วน น.ส.เป้เป็นคนอารมณ์ร้อน น.ส.ไก่ก็จะคอยเป็นน้ำเย็นนิ่งเฉยและเหตุการณ์ก็จะสงบไป ซึ่งในช่วงที่อยู่กรุงเทพฯ ตนเองขายปลา ลูกสาวขายผัก พอมีเงินเก็บบ้างก่อนจะย้ายมาที่ขอนแก่น"

นายอุดม กล่าวต่ออีกว่า เรื่องที่ลูกส่วไปรักใคร่ชอบพอกับเสี่ยกล้วยนั้นไม่รู้ มารู้เพีงแค่ว่าคบหากันเป็นเพื่อนเมื่อปีที่แล้ว โดยบอกว่ามาดูความเป็นอยู่ว่าครอบครัวอยู่อย่างไร และพากันไปไหว้พระก่อนจะกลับมา และสั่งแทงค์น้ำมาติดตั้งให้ที่บ้านเพื่อให้ใช้น้ำได้อย่างสะดวก แต่เรื่องส่วนตัวอื่นๆ น.ส.ไก่ไม่ได้เล่าให้ฟัง และตนเองก็ไม่ไปถามจุกจิกปล่อยให้ลูกใช้ชีวิต 

"ในวันที่ไปสมุทรปราการนั้น ไก่กับเป้ก็บอกพ่อว่าจะไปทำความสะอาดบ้าน ช่วงนี้หญ้าเริ่มรก พร้อมทั้งบอกลูกว่าจะไปทำงานนะลูกเดี๋ยวกลับมา ซึ่งก็เป็นปกติ และ น.ส.เป้เองก็บ่นอากไปตามหาพ่อแม่ที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่มาอยู่ขอนแก่น จึงพากันทำความสะอาดบ้านไว้ เตรียมจะต่อน้ำต่อไป เผื่ออยากไปตามหาแม่ และแม่ ของ น.ส.เป้ นั้นตนเองก็ไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็น ไม่เคยมีข้อมูลของครอบครัวฝ่าย น.ส.เป้ เลย แต่ส่วนตัวก็รักเหมือนลูก และในช่วงหลังจากที่น.สไก่กลับจากสมุทรปราการ พอลงรถถึงบ้าน พ่อถามว่า น.ส.เป้ไม่มาเหรอ ไก่บอกว่ารออยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ก็พูดเท่านั้นเพราะคิดว่าลูกมาถึงบ้านแล้วสบายใจแล้วตนเองก็นอน

" ส่วนจะมีศพหรือมีอะไรในรถไม่ได้ไปสนใจ และก็ไม่เห็นว่ามีพิรุธอะไร หลังเกิดเหตุตำรวจมาบ้าน มาจับลูกสาว พ่อไม่ได้ถามลูกสาวสักคำ เพราะยังตั้งสติไม่ได้ พูดไม่ออก มันตื้อในหัวไปหมด ไม่คิดว่าลูกจะทำแบบนั้นได้ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าลูกทำ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ตอนนั้นไม่รู้จะถามอะไร อีกใจก็กลัวจะเป็นการทับถมลูกเกินไป จึงเงียบเฉย เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะฆ่าคนได้ แม้แต่เถียงพ่อแม่ก็ไม่เคย เป็นคนสนุกสนาน ชอบเล่นกับเพื่อน ไม่ใช่คนใจดำอัมหิต ไม่เคยด่าหรือเคียดแค้นอาฆาตใคร จะไม่ค่อยพูดจะเป็นคนเงียบๆเวลาอยู่กับพ่อแม่"