อลังการงานบุญใหญ่นมัสการกราบไหว้หลวงพ่อทองวัดบ้านด่านศรีสะเกษ

อลังการงานบุญใหญ่นมัสการกราบไหว้หลวงพ่อทองวัดบ้านด่านศรีสะเกษ





ad1

"ขจรศักดิด์"ประธานอุปถัมภ์สร้างวิหารหลวงพ่อทอง วัดบ้านด่าน ต.สร้างปี่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ นำคณะผู้สื่อข่าว ชมวิหารอันวิจิตงดงามอลังการนมัสการกราบไหว้หลวงพ่อทอง ก่อนจัดงานบุญใหญ่ 2-4 มี.ค.นี้

เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่วัดบ้านด่าน ตำบลสร้างปี่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ นายขจรศักดิ์ ศรีบุญเรือง ประธานอุปถัมภ์สร้างวิหารหลวงพ่อทอง ได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูจุดต่างๆของวัดบ้านด่าน ก่อนที่จะมีการจัดงานบุญใหญ่ของวัด ระหว่างวันที่ 2-4 มีนาคม 2567 ซึ่งภายในงานจะมีการบวงสรวงบูชาฤกษ์ สังเวยเทวดา พุทธาภิเษกปลูกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อทอง รุ่นดวงเศรษฐ์ศรีบุญเรือง พิธีอัญเชิญหลวงพ่อทองขึ้นประดิษฐาน ณ วิหารหลวงพ่อทอง และ พิธีเฉลิมฉลองซุ้มประตูโขง ที่หน้าจะสวยงามที่สุดในภาคอีสาน

ทั้งนี้วัดบ้านด่าน ตำบลสร้างปี่ อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นวัดที่มี หลวงพ่อทอง ปางห้ามสมุทร อายุกว่า 700 ปี ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ทางกรมศิลปากรยืนยันว่าเป็นพระพุทธรูปศิลปะ คาดว่าจะสร้างสมัยสุโขทัยตอนปลาย อายุกว่า 700 ปี เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และแสดงอภินิหารให้ปรากฏอยู่หลายครั้งด้วยกัน เช่นครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2508 ซึ่งเป็นปีที่นักแสวงโชคออกหาพระพุทธรูปเพื่อนำไปขายหรือส่งออกต่างประเทศตามความต้องการของตลาด ก็ได้มีนักแสวงโชคมาแอบขโมยหลวงพ่อทอง ใช้คนหาม 4 คน มุ่งหน้าไปทางบ้านหอยโนนดู่ อ.ยางชุมน้อย  เดินทางทั้งคืนได้ประมาณ 2 กิโลเมตร จึงนำหลวงพ่อทองไปซ่อนไว้ในจอมปลวก วันต่อมาไปจ้างวานเกวียนของบ้านเห็ดผึ้งหนองก่ามมาขน  เดินทางไปได้ระยะหนึ่งเกวียนก็หัก และได้นำพระพุทธรูปไปทิ้งลงในบ่อน้ำ ชาวบ้านตามหาจนพบจึงได้นำกลับบ้านด่าน 

ขจรศักดิ์ ศรีบุญเรือง ประธานอุปถัมภ์สร้างวิหารหลวงพ่อทอง

และอีกครั้งที่เมื่อปี 2518 ได้มีกลุ่มคนที่มีอิทธิพลกลับมาขโมยหลวงพ่อทอง บรรทุกใส่รถจี๊ป นำไปถึง อ.ราษีไศล และนำไปเก็บไว้ที่บริเวณบ้านของตนเอง แต่เกิดอาการวิตกจริต จึงได้นำไปซ่อนไว้ที่ป่าละเมาะหาดทรายแม่น้ำมูลใกล้วัดกลาง ชาวบ้านไปค้นหาจนพบและนำไปไว้ที่ สภ.ราษีไศล และได้นำไปเก็บไว้ที่ศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นหลวงพ่อทองวัดบ้านด่าน จึงได้นำกลับมาที่วัดบ้านด่าน และสร้างกรงใส่หลวงพ่อทองไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายใจบาปมาลักเอาหลวงพ่อทองได้อีก

หลวงพ่อทองเป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านในหมู่บ้าน และชาวจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมถึงต่างจังหวัด เคราพรักศรัทธา เชื้อว่าถ้าคนขอพรอะไรก็จะได้สมใจปรารถณา แต่ที่สำคัญถ้าจะขออะไรอย่าขอในใจ ต้องตะโกนออกมาดังๆฟังชัด เพื่อให้หลวงพ่อทอง ได้ยิงถึงจะสำฤทธิ์ผล

นอกจากทางวัดบ้านด่าน จะมีหลวงพ่อทอง แล้วปัจจุบันยังมีวิหารหลวงพ่อทอง โดยวิหารหลังนี้ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดศรีสะเกษ ก็ว่าได้ เพราะทางวัดบ้านด่าน ศรีสะเกษได้มีการจัดสร้างวิหารได้อยางวิจิตรงดงาม มีการสลักลวดลายและงานปั้นองค์พญานาคและเทวดานางฟ้าต่างๆ ที่ดูอ่อนช้อยและสวยงาม เหมือนกับสวรรค์บนดินเลย โดยวิหารทั้งหลังนั้นจะเน้นใช้สีขาวเป็นหลัก มองดูคล้ายกับที่วัดร่องขุ่นจังหวัดเชียงรายของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เลยก็ว่าได้ 

นอกจากวิหารหลวงพ่อทอง แล้วยังมีซุ้มประตูโขง ที่หน้าจะเป็นซุ้มประตูที่สวยที่สุดในภาคอีสานก็ว่าได้ จุดเด่นคือ มีการสลักลวดลายและงานปั้นองค์พญานาคและเทวดานางฟ้าต่างๆ ที่ดูอ่อนช้อยและสวยงาม นอกจากนี้ซุ้มประตูนี้ยังจุดที่แปลกไม่เหมือนใคร คือ เวลาไปยืนอยู่ตรงกลางประตูแล้วพูดหรือกระโกนออกมาจะมีเสียงก้องกังวาน คล้ายเหมือนในห้องโถง แต่พอเดินหลุดพ้นซุ้มประตูออกมาแล้วเวลาพูดออกมากับไม่ก้องกังวานเหมือนตอนอยู่ที่ซุ้มประตู ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอีกจุดของทางวัด

นายขจรศักดิ์ ศรีบุญเรือง ประธานอุปถัมภ์สร้างวิหารหลวงพ่อทอง กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ก็อยากจะขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยวสายมู ร่วมงานบุญใหญ่ในครั้งนี้ได้ระหว่างวันที่ 2-4 มีนาคม 2567 ที่จะถึงนี้

เสนาะ วรรักษ์/รายงาน.